กรุงเทพฯ--31 ก.ค.--สมาพันธ์เฮลธ์
ทุกวันนี้เทคโนโลยีก้าวไปเร็วมาก องค์กรใหญ่ๆ รวมถึงภาครัฐ พากันปรับตัวขนานใหญ่ เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลง ใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยี "ไอโอที" ( Internet of Things: IoT) หรืออินเทอร์เน็ต ทุกสรรพสิ่ง ที่อุปกรณ์จะสามารถเชื่อมต่อกันได้ โดย Gartner คาดการณ์ว่าภายในปี 2020 จะมีอุปกรณ์ไอโอทีมากขึ้น 26,000 ล้านชิ้นทั่วโลก ขณะที่บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลกอย่าง CISCO มองว่าในปี 2020 น่าจะมีอุปกรณ์ไอโอทีมากขึ้น 50,000 ล้านชิ้น
ปัจจุบันไอโอทีได้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายตั้งแต่การติดตั้งระบบไอโอทีในอุปกรณ์ในบ้านเรือนไปจนถึงภาคอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมการเกษตร ใช้เทคโนโลยีไอโอทีเป็นตัวเซ็นเซอร์วัดระดับความชื้นในดินและพื้นที่เพาะปลูก ดึงข้อมูล ไปโชว์บนสมาร์ทโฟน ชาวสวนจะรู้ข้อมูลทั้งหมด ธุรกิจค้าปลีก นำไอโอทีมาใช้เพื่อเพิ่มประสบการณ์ที่ดี ในการเลือกซื้อ สินค้าของผู้บริโภค ผ่านการ Feed ข้อมูลตรงไปยังสมาร์ทโฟนของลูกค้าที่ลงทะเบียนไว้ รวมถึงการนำไอโอที มาใช้ใน กระบวนการบริหารจัดการ Supply Chain ตั้งแต่กระบวนการผลิต จัดซื้อ การขนส่ง การจัดเก็บ และการจำหน่ายอีกด้วย
ทั้งนี้รวมถึง ทางการแพทย์ ที่นำไอโอทีไปประยุกต์ใช้กับอุปกรณ์ติดตัวผู้ป่วย เพื่อเฝ้าระวังปัญหาทางด้านสุขภาพที่จำเป็น ต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิด โดยอุปกรณ์ดังกล่าวจะส่งสัญญาณไปยังโรงพยาบาลและญาติเมื่อเกิดกรณีฉุกเฉินขึ้น เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างทันท่วงที
ล่าสุด บริษัท สมาพันธ์เฮลธ์ จำกัด ในฐานะที่เป็นบริษัทที่สรรหาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ ได้เล็งเห็น โอกาสในการเติบโตของเทรนด์การดูแลสุขภาพของคนไทยและคนทั่วโลก รวมทั้งกระแสเทคโนโลยีไอโอทีที่มีอิทธิพลต่อ หลายธุรกิจ ก็ได้นำไอโอทีมาต่อยอดธุรกิจเช่นกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาคุณภาพชีวิต และดูแล สุขภาพของประชาชน ด้วยการพัฒนาไอโอทีร่วมกับหุ่นยนต์ เพื่อใช้สนับสนุนการรักษาทางการแพทย์
นางสาวธัญชนก อุดมทรัพย์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาพันธ์เฮลธ์ จำกัด เปิดเผยว่าบริษัทได้พัฒนาเทคโนโลยี และการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ microlife ซึ่งเป็นเครื่องวัดความดันโลหิตอัจฉริยะที่นำระบบไอโอทีเข้ามาใช้ อีกทั้งยังได้ร่วมมือกับศูนย์โรคหลอดเลือดสมองแบบครบวงจร แห่งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ (Chulalongkorn Stroke Center) โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และบริษัท ซีที เอเชีย โรโบติกส์ จำกัด ผู้ผลิตหุ่นยนต์ เชิงพาณิชย์ของไทย รายแรกในนาม หุ่นยนต์ดินสอมินิ ในการทำงานร่วมกัน โดย โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ มีศูนย์ โรคหลอดเลือดสมอง แบบครบวงจร (Chulalongkorn Stroke Center ) เพื่อรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ขณะที่ซีที เอเชีย โรโบติกส์ รับหน้าที่ผลิตหุ่นยนต์เพื่อเป็นสื่อกลางระหว่างเครื่องวัดความดัน microlife กับแพทย์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สำหรับเครื่องวัดความดัน microlife มีความสามารถในการตรวจเช็คความเสี่ยงภาวะหัวใจสั่นพลิ้ว ( Atrial Fibrillation (Afib หรือ AF) ซึ่งเป็น อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดลิ่มเลือดไหลไปอุดตันในสมองซึ่งอาจทำให้เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ การตรวจพบภาวะ Afib ได้แต่เนิ่นๆ จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะหลอดเลือดอุดตันและโรคหัวใจได้
"การผสานเทคโนโลยีของบริษัท ร่วมกับศูนย์โรคหลอดเลือดสมองแบบครบวงจร แห่งโรงพยาบาล จุฬาลงกรณ์ และหุ่นยนต์ดินสอมินิ จะเชื่อมต่อการทำงานจากเครื่องถึงแพทย์ โดยจะบอกถึงระดับความดัน อัตราการเต้นของหัวใจ ในร่างกายของคนไข้ และยังบอกถึงโอกาส และความเสี่ยง ในการเป็นโรคหลอดเลือดสมอง หรือ Stroke อีกด้วย" นางสาวธัญชนกกล่าว
ปัจจุบันภาพรวมของตลาดอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2560 ที่ผ่านมา เติบโตราว 8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ส่วนปีนี้คาดว่าจะเติบโตที่ 12% ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุด ซึ่งตลาด เครื่องมือแพทย์มีมูลค่าประมาณ 11,000 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากเทรนด์การดูแลสุขภาพ และการที่ ภาครัฐให้การ สนับสนุนเป็นอย่างมากในการผลักดันให้ประเทศเป็น HUB ทางด้านเครื่องมือแพทย์
ขณะที่ บริษัทได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตเช่นเดียวกับการเติบโตของตลาดอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยคาดว่าจะเติบโตได้ถึง 12% ด้วยการพัฒนาสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง อย่างล่าสุดคือ เครื่องวัดความดัน microlife เพื่อป้องกัน ปัจจัยเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดสมอง ซึ่งโรคดังกล่าวเป็นโรคที่ปัจจุบันคนไทยเป็นกันจำนวนมาก และเป็นสาเหตุ ของการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของประเทศอีกด้วย
ศ.พญ.นิจศรี ชาญณรงค์ หัวหน้าสาขาประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนพ.วสันต์ อัครธนวัฒน์ อายุรแพทย์ระบบประสาทวิทยา รพ.จุฬาฯ ร่วมกันให้ข้อมูลว่า จากสถิติพบว่า ปัจจุบัน ประเทศไทยมีจำนวนผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองปีละ 3 แสนราย มีผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวปีละ 60,000 รายติดอันดับ ท็อปทรีของสาเหตุการเสียชีวิตรองจากโรคมะเร็งและหลอดเลือดหัวใจ
โรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นภาวะที่สมองสูญเสียการทำงานบางส่วนอย่างเฉียบพลัน จาก หลอดเลือดสมองตีบอุดตันหรือจากหลอดเลือดสมองแตกทำให้เกิดความผิดปกติของร่างกาย พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ และเป็นสาเหตุทำให้คนไทยสูญเสียปีสุขภาวะจากการพิการและเสียชีวิตก่อนวัยอันควรมากเป็นอันดับ 1 ของประเทศ และมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากขึ้นทุกๆ ปี โดยกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดสมอง ได้แก่ ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรค ประจำตัวเช่น ความดัน เบาหวาน สูบบุหรี่ ไม่ออกกำลังกาย ซึ่งวิธีการป้องกันคือ ควรตรวจร่างกายเป็นประจำ
ความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคนไข้ได้ตรวจเช็คร่างกายได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะการใช้หุ่นยนต์ ดินสอมินิ ซึ่งจะมีหน้าที่ดูแลคนป่วยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หรืออาจจะยังไม่มีคนดูแล ก็จะสามารถส่งข้อมูล ติดต่อไปยังญาติและหมอได้ ซึ่งขณะนี้ทางศูนย์โรคหลอดเลือดสมอง แห่งโรงพยาบาล จุฬาลงกรณ์ มีให้ผู้ป่วย ยืมได้ทั้งหมด 7 ตัวและจะขยายไปยังโรงพยาบาลเครือข่ายอื่นๆ ต่อไป
อนึ่ง บริษัท สมาพันธ์เฮลธ์ จำกัด ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2534 ปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพและผลิตภัณฑ์ทางเลือก 2. อุปกรณ์ตรวจวัดและดูแลสุขภาพในชีวิตประจำวัน 3. อุปกรณ์ที่ช่วยดูแลรักษาและเพิ่มคุณภาพชีวิต เพื่อให้คนไทยสามารถดูแลสุขภาพได้ด้วยตนเอง ด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพที่หลากหลาย ผ่านตัวแทนจำหน่ายชั้นนำทั่วไป ท่านที่สนใจสามารถดูข้อมูลได้ที่ www.samh.co.th