กรุงเทพฯ--31 ก.ค.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 26 กรกฎาคม 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,226.70-1,235.24 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,400 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาทรงตัวจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,400 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFQ18 อยู่ที่ 19,480 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 40 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,520 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.15 น. ของวันที่ 26/07/61)
แนวโน้มวันที่ 31 กรกฎาคม 2561
การประชุมระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ในกรุงวอชิงตัน มีการเจรจาเป็นไปในเชิงบวก และมีแนวโน้มจะระงับการเก็บภาษีรถยนต์ ทั้งสองฝ่ายสามารถเจรจาลดกำแพงการค้าอื่นๆ ซึ่งช่วยบรรเทาความเสี่ยงของสงครามการค้าของทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ กล่าวว่า EU ได้ตกลงที่จะซื้อถั่วเหลือง และก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐเพิ่มขึ้น ทางด้านนายยุงเกอร์ กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะระงับการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม ตราบใดที่การเจรจาการค้ายังคงดำเนินไป โดยทองคำได้รับประโยชน์จากความตึงเครียดทางการค้าที่ผ่อนคลายลง เพราะนั่นทำให้ดอลลาร์ถูกลดความน่าสนใจลง ขณะเดียวกันดอลลาร์ถูกกดดันอย่างต่อเนื่องจากกรณีที่ปธน.ทรัมป์ ได้แสดงความกังวลต่อการที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)มีแนวโน้มขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ รวมทั้งประเด็นที่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลลบต่อความสามารถในการแข็งขันของภาคธุรกิจสหรัฐ ประเด็นดังกล่าวทำให้นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งนักลงทุนไม่แน่ใจเกี่ยวกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงนโยบายของ BOJ ในช่วงการทบทวนนโยบายที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 30-31 ก.ค. ว่า BOJ จะสามารถลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลงอย่างมากหรือไม่ ในขณะที่เงินเฟ้อยังคงต่ำกว่าเป้าหมายและผลกำไรของบริษัทฟื้นตัวขึ้นอย่างช้าๆ อีกทั้งนักลงทุนจับตาการพิจารณาการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนกองทุน ETF ที่ BOJ ซื้อ อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ทั้งนี้หาก BOJ แสดงความชัดเจนหรือส่งสัญญาณการดำเนินการที่จะถอนแผนกระตุ้นการเงินที่ชัดเจนมากขึ้น จะกระตุ้นให้เกิดแรงซื้อเยน ซึ่งจะส่งผลกดดันต่อดอลลาร์ และจะกระตุ้นแรงซื้อทองคำเพิ่มเติม ทั้งนี้เมื่อราคาทองคำอ่อนตัวลงยังคงมีแรงเข้าซ้อนซื้อเพิ่มขึ้นจากช่วงที่ผ่านมา แต่โดยรวมการเคลื่อนไหวของราคาทองคำยังคงแกว่งตัวในกรอบ นักลงทุนควรลงทุนระยะสั้น และไม่ควรถือครองสถานะซื้อหรือขายทองคำมากเกินไป
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำอาจมีโอกาสทดสอบแนวต้านที่ 1,237-1,248 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไร เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาราคาทองคำเมื่อมีการปรับตัวขึ้นก็จะมีแรงขายทำกำไรออกมาแรงเช่นกัน โดยนักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้าง โดยให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้นักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้แนะนำให้ถือต่อไป เพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไป และหากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมาไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนสามารถเก็งกำไร โดยให้เน้นไปที่การเข้าซื้อ ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,218-1,211 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากหลุดจะมีแนวรับถัดไปอยู่ที่โซน 1,200-1,193 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,211 (19,050บาท) 1,200 (18,850บาท) 1,193 (18,750บาท)
แนวต้าน 1,237 (19,500บาท) 1,248 (19,650บาท) 1,259 (19,850บาท)
GOLD FUTURES (GFQ18)
แนวรับ 1,211 (19,220บาท) 1,200 (19,040บาท) 1,193 (18,930บาท)
แนวต้าน 1,237 (19,630บาท) 1,248 (19,810บาท) 1,259 (19,980บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999