กรุงเทพฯ--1 ส.ค.--สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ
สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เดินหน้าลงพื้นที่เป้าหมายในโครงการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับอย่างยั่นยืน 5 จัหวัด สุรินทร์ แพร่ ตราด เพชรบุรี และ สตูล เปิดอบรมหลักสูตรด้านอัญมณีศาสตร์ ทักษะเชิงช่าง การออกแบบเครื่องประดับ รวมถึงความรู้ด้านธุรกิจและการตลาดในยุคดิจิตัล โดยมีผู้ประกอบการและผู้สนใจเข้าร่วมงานเป็นจำนวน 1,213 คน
นางดวงกมล เจียมบุตร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ เปิดเผยว่า สถาบันได้จัดทีมลงพื้นที่ และจัดการอบรมในโครงการพัฒนารูปแบบและคุณภาพสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับสู่ภูมิภาคอย่างยั่งยืน ในจังหวัดเป้าหมาย 5 จังหวัด ได้แก่ แพร่ สุรินทร์ เพชรบุรี ตราด และสตูล โดยมุ่งพัฒนาและส่งเสริมให้อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทยได้เติบโตอย่างเข้มแข็งตั้งแต่ระดับฐานราก และสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน โดยการใช้อัตลักษณ์อันโดดเด่นในแต่ละภูมิภาค มาปรับใช้ในการออกแบบเครื่องประดับให้มีความสวยงาม และร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น ยกระดับผู้ประกอบการจากการเป็นเพียงผู้รับจ้างผลิต (OEM) สู่การเป็นผู้ประกอบการที่มีรูปแบบสินค้าของตนเอง (ODM) และผู้ประกอบการที่มีแบรนด์เป็นของตนเอง (OBM) ซึ่งการอบรมในแต่ละจังหวัดสถาบันได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิ และ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาถ่ายทอดความรู้ และประสบการณ์ในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น ด้านอัญมณีศาสตร์ ทักษะเชิงช่าง การออกแบบเครื่องประดับ รวมถึงความรู้ด้านธุรกิจและการตลาดในยุคดิจิตัล พร้อมทั้ง ดึงนักออกแบบชื่อดังมาร่วมค้นหาอัตลักษณ์และสร้างสรรค์ผลงาน จำนวน 5 ท่าน ได้แก่ คุณวไลพรรณ ชูพันธ์ จากแบรนด์ FLOW คุณเอก ทองประเสริฐ จากแบรนด์ EK Thongprasert คุณสุรศักดิ์ มณีเสถียรรัตนา จากแบรนด์ Carletta Jewellery คุณอริสรา แดงประไพ จากแบรนด์ Arisara และ คุณจิตต์สิงห์ สมบุญ ซึ่งนักออกแบบแต่ละท่านจะดึงจุดเด่นที่น่าสนใจของแต่ละจังหวัด และเครื่องประดับในท้องถิ่น มาปรับให้ร่วมสมัย สามารถสวมใส่ได้ในชีวิตประจำวัน และ ยังคงอัตลักษณ์ของท้องถิ่น อย่างเช่น เครื่องเงินสุรินทร์ หรือ เครื่องทองเพชรบุรี เครื่องประดับมุกสตูล
นอกจากนี้สถาบันได้ยังได้คัดเลือกผู้ประกอบการในท้องถิ่นจำนวนหนึ่งที่มีความสนใจ และมีผลงานที่โดดเด่น จำนวน 21 ราย เข้าร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อยกระดับคุณภาพมาตรฐานและรูปแบบสินค้าและเครื่องประดับให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดอีกด้วย
นางนันทิกา สิริภัทรวณิช จาก ห้างทองเพชรเจริญ 2 จังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า"ห้างทองเพชรเจริญ 2 ต้องขอขอบคุณ GIT เป็นอย่างมาก ที่ได้จัดกิจกรรมดีๆ เช่นนี้ให้กับผู้ประกอบการ รวมทั้งประชาชนทั่วไปในจังหวัดเพชรบุรี เพราะนอกจากการตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป การออกแบบที่ต้องทันสมัย ยังต้องเข้าใจทิศทางผู้บริโภค รวมทั้งยังได้รับทราบถึงโครงการซื้อด้วยความมั่นใจ หรือ Buy With Confidece: BWC อีกด้ว ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้มีส่วนสำคัญอย่างมากที่ช่วยเหลือผู้ประกอบการในท้องถิ่น รวมถึงช่างฝีมือในการพัฒนาศักยภาพตนเองอีกด้วย"
นอกจากนี้ สถาบันยังมีโครงการขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้กับผลงานการออกแบบเครื่องประดับและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากจังหวัดข้างต้น โดยมีแผนที่จะปรับโฉมห้องสมุดอัญมณีและเครื่องประดับ และจัดพื้นที่วางจำหน่ายสินค้าที่ผ่านการออกแบบในโครงการ ที่เรียกว่า TEMP Pop-Up Store by GIT ซึ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเดือนกันยายนนี้ อีกทั้งจะนำผลิตภัณฑ์การออกแบบมาจัดแสดงภายในงานแสดงสินค้าบางกอกเจมส์แอนด์จิวเวลรี่แฟร์ ครั้งที่ 62 และ September Hong Kong Jewellery and Gems Fair 2018 อีกด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการขยายตลาดสินค้าไทยจากชุมชนสู่ตลาดสากล