กรุงเทพฯ--2 ส.ค.--ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย
ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ในฐานะที่ปรึกษาด้านการเงิน และร่วมกับธนาคารกรุงไทยในฐานะผู้จัดการด้านสินเชื่อ ได้จัดงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จดีลโรงแรมของสิงห์ เอสเตท มูลค่า 310 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ตอกย้ำความร่วมมือที่เกิดจากความเชื่อมั่นในการบริหารงาน และการจัดการทางการเงินที่ดีเยี่ยม ด้านซีอีโอ สิงห์ เอสเตท เผยโรดแมพบริษัทฯ ดีลสำคัญนี้เป็นไปตามกลยุทธ์ Smart M&A เพื่อก้าวสู่การเป็น[บริษัทชั้นนำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการลงทุน] Premier Property Development and Investment Holding Company
ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ร่วมกับธนาคารกรุงไทย จัดงานฉลองความสำเร็จของบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัทชั้นนำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ในการเข้าซื้อกิจการรีสอร์ท 6 แห่งในเอเชียแปซิฟิคของเอาท์ทริกเกอร์ (Outrigger) มูลค่า 310 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 10,334 ล้านบาท) ซึ่งธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาทางการเงินแต่เพียงผู้เดียว และได้ร่วมกับธนาคารกรุงไทยในการจัดหาสินเชื่อสำหรับการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้
นายกิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ได้รับความไว้วางใจจากบมจ.สิงห์ เอสเตท เลือกให้ธนาคารเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการร่วมในการจัดหาสินเชื่อ โดยดีลนี้เกิดขึ้นจากความมั่นใจในการบริหารงาน และการดำเนินงานร่วมกันอย่างเป็นมืออาชีพ และนับเป็นการลงทุนที่มีความสอดคล้องกับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของสิงห์ เอสเตท อีกทั้งการลงทุนครั้งนี้นอกจากจะเป็นการเน้นย้ำวิสัยทัศน์ ที่มุ่งเน้นการลงทุนในโรงแรมและรีสอร์ทที่ตั้งอยู่ในทำเลที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นหนึ่งในแผนการเพิ่มความพร้อมในการ Spin-off กลุ่มธุรกิจโรงแรมของสิงห์ เอสเตท อีกด้วย
นายปริญญา พัฒนภักดี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ธนาคารกรุงไทยมีความยินดีที่ได้เป็นผู้สนับสนุนทางการเงินแก่กลุ่มสิงห์ เอสเตทมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับดีลในการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้มีส่วนสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนแผน IPO กลุ่มธุรกิจโรงแรมของบริษัท รวมทั้งยังช่วยให้ธุรกิจของบริษัทมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ความสำเร็จในดีลต่างๆที่ผ่านมาของบริษัท แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของบริษัทและวิสัยทัศน์ที่เฉียบแหลมของคณะผู้บริหารในการตัดสินใจคัดเลือกลงทุนในกิจการที่มีศักยภาพ ซึ่งทางธนาคารหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ร่วมฉลองความสำเร็จกับทางบริษัทอีกในครั้งต่อๆไป
นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. สิงห์ เอสเตท กล่าวว่าการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินให้กับบริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้ทันที ส่งผลให้ บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (SHR) บริษัทย่อยในกลุ่มสิงห์ เอสเตท มีความพร้อมที่จะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งจะทำให้ สิงห์ เอสเตท ก้าวขึ้นเป็น Premier Property Development and Investment Holding Company ระดับโลก และมีความพร้อมทางการเงินสำหรับโอกาสทางธุรกิจในอนาคต ซึ่งจากการลงทุนในครั้งนี้จะทำให้ บมจ. สิงห์ เอสเตท เป็นเจ้าของโรงแรมเพิ่มขึ้นอีก 6 แห่ง ประกอบด้วย โรงแรมเอาท์ทริกเกอร์ ลากูน่า ภูเก็ต บีช รีสอร์ท, โรงแรมเอาท์ทริกเกอร์ เกาะสมุย บีช รีสอร์ท, โรงแรมเอาท์ทริกเกอร์ ฟิจิ บีช รีสอร์ท ประเทศฟิจิ, โรงแรมแคสต์อะเวย์ ไอส์แลนด์ ประเทศฟิจิ, โรงแรมเอาท์ทริกเกอร์ มอริเชียส บีช รีสอร์ท ประเทศมอริเชียส และโรงแรมเอาท์ทริกเกอร์ โคน็อตต้า มัลดีฟส์ รีสอร์ท ประเทศมัลดีฟส์ ทำให้บริษัทฯ มีพอร์ทธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท เพิ่มขึ้นรวมเป็น 37 แห่งทั่วโลก
"เป้าหมายของสิงห์ เอสเตท คือ การขับเคลื่อนบริษัทสู่ระดับโลก วางจุดยืนบริษัทเป็นนักลงทุนเน้นคุณค่า (Value Investor) ตั้งเป้ารายได้รวม 20,000 ล้านบาทภายในปีพ.ศ. 2563 ทั้งนี้ การเข้าซื้อกิจการธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทของกลุ่มเอาท์ทริกเกอร์ใน 4 ประเทศครั้งนี้ จะช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคง และลดความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก ให้กับพอร์ทการลงทุนของธุรกิจโรงแรม ผ่านการเพิ่มความหลากหลายของกลุ่มลูกค้า กระจายการลงทุนในแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำทั่วโลก ซึ่งกลยุทธ์การดำเนินงานแบบ Smart M&A ของสิงห์ เอสเตทครั้งนี้ ส่งผลให้สินทรัพย์รวมของบริษัทฯเติบโตขึ้นจากแผนที่วางไว้ มีมูลค่าสินทรัพย์ปัจจุบัน 40,900 ล้านบาท เมื่อรวมกับมูลค่าการลงทุนขนาดใหญ่ในโครงการครอสโร้ดส์ที่ประเทศมัลดีฟส์แล้ว คาดว่าจะทำให้สินทรัพย์รวมของสิงห์ เอสเตท เติบโตสูงถึง 60,000 ล้านบาท และสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ในระยะเวลาที่เร็วขึ้น"
เกี่ยวกับ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน)
สิงห์ เอสเตท เป็นบริษัทชั้นนำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการลงทุน (Premier property development and investment holding company) มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม โดยยึดหลักปรัชญาการเติบโตอย่างยั่งยืน รักษาความสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม สร้างการเติบโตด้วยพอร์ทการลงทุนที่มีความสมดุลและหลากหลายจากการพัฒนาธุรกิจพื้นที่ค้าปลีก พื้นที่สำนักงานให้เช่า ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจที่พักอาศัย มุ่งเน้นลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพสูงทั้งในและต่างประเทศ เพื่อก้าวสู่การเป็นบริษัทลงทุนและโฮลดิ้งระดับโลก ที่มีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และนำเสนอคุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม
เกี่ยวกับโรงแรมและรีสอร์ทกลุ่มเอาท์ทริกเกอร์
กว่า 70 ปี ที่โรงแรมและรีสอร์ทของกลุ่มเอาท์ทริกเกอร์ได้สร้างประสบการณ์การค้นพบใหม่ๆ และได้ขยายการบริการจากฮาวายไปยังแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำในประเทศฟิจิ ไทย กวม มอริเชียส และมัลดีฟส์ กลุ่มเอาท์ทริกเกอร์เป็นบริษัทเอกชนที่พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์มากถึง 37 โครงการ คิดเป็นจำนวนห้องทั้งสิ้นราว 6,500 ห้อง ที่พร้อมเชิญชวนให้ทุกท่าน "หลีกหนีความธรรมดา" ด้วยประสบการณ์ที่ไม่ซ้ำใครผ่านเอาท์ทริกเกอร์ ดิสคัฟเวอรี่ รอยัลตี้ โปรแกรม โดยกลุ่มเอาท์ทริกเกอร์ เป็นเจ้าของโรงแรมและรีสอร์ท หลากหลายแบรนด์ อาทิ เอาท์ทริกเกอร์(R) รีสอร์ท โรงแรมโอฮานา บาย เอาท์ทริกเกอร์(R) และฮาวาย เวเคชั่น คอนโด บาย เอาท์ทริกเกอร์(R) อีกทั้งยังเป็นบริษัทที่ดูแลและบริหารอสังหาริมทรัพย์ให้กับแบรนด์โรงแรมนานาชาติชั้นนำ อาทิ เอ็มบาสซี่ สวีทส์(R) เบสท์ เวสเทิร์น(R) วินด์แฮม เวเคชั่น โอนเนอร์ชิพ(R) และ ฮิลตัน แกรนด์ เวเคชั่นส์TM สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Outrigger.com หรือไปที่ @OutriggerResorts บน Facebook, Instagram และ Twitter