กรุงเทพฯ--8 ส.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานอิทธิพลของพายุโซนร้อน "เซินติญ" และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคม – 8 สิงหาคม 2561 ทำให้เกิดสถานการณ์ภัยใน 29 จังหวัด สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 18 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 11 จังหวัด ได้แก่ นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี บึงกาฬ สกลนคร ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ยโสธร ระนอง พังงา และเพชรบุรี ซึ่ง ปภ. ได้ร่วมกับหน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงแจกจ่ายถุงยังชีพและเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแล้ว
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า อิทธิพลของพายุโซนร้อน "เซินติญ" และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคม – 8 สิงหาคม 2561 ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มใน 29 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี ตาก เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน พิจิตร นครสวรรค์ ตราด แพร่ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง เพชรบุรี ลำปาง น่าน อุตรดิตถ์ อำนาจเจริญ พะเยา เชียงราย กาฬสินธุ์ นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี บึงกาฬ สกลนคร ร้อยเอ็ด ยโสธร หนองคาย และพังงา รวม 92 อำเภอ 336 ตำบล 2,064 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 43,055 ครัวเรือน 119,864 คน ผู้เสียชีวิต 1 ราย สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 18 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 11 จังหวัด รวม 49 อำเภอ 246 ตำบล 1,773 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 34,505 ครัวเรือน 96,790 คน ได้แก่ นครพนม น้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ 12 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนครพนม อำเภอเรณูนคร อำเภอปลาปาก อำเภอท่าอุเทน อำเภอโพนสวรรค์ อำเภอธาตุพนม อำเภอบ้านแพง อำเภอนาแก อำเภอวังยาง อำเภอศรีสงคราม อำเภอนาหว้า และอำเภอนาทม รวม 90 ตำบล 878 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 13,724 ครัวเรือน 31,496 คน บ้านเรือนได้รับผลกระทบ 29 หลัง ปัจจุบันระดับน้ำลดลง มุกดาหาร น้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอดงหลวง อำเภอเมืองมุกดาหาร อำเภอนิคมคำสร้อย อำเภอดอนตาล อำเภอหว้านใหญ่ อำเภอหนองสูง และอำเภอคำชะอี รวม 52 ตำบล 433 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 11,448 ครัวเรือน 38,379 คน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง อุบลราชธานี น้ำในแม่น้ำโขงล้นตลิ่งในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเขมราฐ อำเภอโพธิ์ไทร อำเภอโขงเจียม อำเภอนาตาล อำเภอศรีเมืองใหม่ และอำเภอเขื่องใน รวม 14 ตำบล 86 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,627 ครัวเรือน 4,825 คน อพยพ 43 ครัวเรือน 215 คน ปัจจุบันระดับน้ำเพิ่มขึ้น บึงกาฬ น้ำในแม่น้ำโขงล้นตลิ่งในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองบึงกาฬ อำเภอบุ่งคล้า อำเภอโซ่พิสัย อำเภอปากคาด และอำเภอศรีวิไล รวม 23 ตำบล 126 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,604 ครัวเรือน 8,736 คน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง สกลนคร ยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วม 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโพนนาแก้ว อำเภอเมืองสกลนคร อำเภอโคกศรีสุพรรณ อำเภอพรรณนิคม และรวม 7 ตำบล 12 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 132 ครัวเรือน 431 คน ผู้เสียชีวิต 1 ราย ปัจจุบันระดับน้ำลดลง ร้อยเอ็ด ยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมอำเภอเสลภูมิ รวม 7 ตำบล 12 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 12 ครัวเรือน 34 คน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง กาฬสินธุ์ น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ อำเภอกมลาไสย อำเภอฆ้องชัย อำเภอดอนจาน และอำเภอร่องคำ รวม 23 ตำบล 86 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 961 ครัวเรือน 1,873 คน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง ยโสธร น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองยโสธร อำเภอไทยเจริญ อำเภอป่าติ้ว อำเภอกุดชุม และอำเภอคำเขื่อนแก้ว รวม 24 ตำบล 105 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,451 ครัวเรือน 8,972 คน ปัจจุบันระดับน้ำในลุ่มน้ำเซบายเพิ่มขึ้น ส่วนระดับน้ำในลุ่มน้ำชีมีแนวโน้มทรงตัว ระนอง น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอกะเปอร์ รวม 3 ตำบล 8 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 70 ครัวเรือน 154 คน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง พังงา น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอคุระบุรี รวม 3 ตำบล 11 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 80 ครัวเรือน 176 คน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง และเพชรบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแก่งกระจาน และอำเภอท่ายาง รวม 6 ตำบล 27 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 396 ครัวเรือน 1,714 คน ปัจจุบันระดับน้ำเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงแจกจ่ายถุงยังชีพและเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแล้ว ท้ายนี้ หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป