กรุงเทพฯ--19 ธ.ค.--ปภ.
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานฝนที่ตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ทำให้เกิด น้ำป่าไหลหลากลงสู่แม่น้ำสายหลัก เป็นเหตุให้ จังหวัดนราธิวาสและยะลา ประสบอุทกภัย ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 26,993 คน 7,472 ครัวเรือน กรม ปภ. เร่งอพยพราษฎรไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย พร้อมแจกจ่ายเครื่องอุปโภค บริโภค เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน
ในเบื้องต้น รวมทั้งเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังต่อไป นายอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 14-17 ธันวาคม 2550 ได้เกิดฝนตกหนัก ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากลงสู่แม่น้ำโก-ลก แม่น้ำสายบุรี และแม่น้ำบางนรา ส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำสายหลักเพิ่มสูงขึ้นและไหลเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรของจังหวัดนราธิวาสและยะลา มีพื้นที่ประสบภัย 19 อำเภอ 113 ตำบล 429 หมู่บ้าน มีผู้เสียชีวิต 2 คน ราษฎรเดือดร้อน 2,6993 คน 7,472 ครัวเรือน บ้านเรือนราษฎรเสียหายบางส่วน 4 หลัง พื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วม 71 ไร่ ถนน 141 สาย สะพานและคอสะพาน 20 แห่ง ชำรุดและเสียหายใช้การไม่ได้ รวมทั้งโรงเรียน 5 แห่ง และสถานที่ราชการ 1 แห่ง ส่วนความเสียหายอื่นๆ อยู่ระหว่างการสำรวจ
สำหรับการให้ความช่วยเหลือ เบื้องต้น ศูนย์ ปภ.เขต 12 สงขลา และสำนักงาน ปภ.จังหวัดนราธิวาส และยะลา ได้นำเรือท้องแบน รถบรรทุกขนาดเล็กและใหญ่เข้าอพยพผู้ประสบภัยในพื้นที่ จำนวน 593 คน ไปยังพื้นที่ปลอดภัย พร้อมนำข้าวสาร อาหารแห้ง เครื่องอุปโภค บริโภค น้ำดื่มสะอาด ถุงยังชีพ จำนวน 22,528 ชุดและยารักษาโรค 200 ชุด รวมทั้ง เครื่องนอนและผ้าห่ม 1,510 ชุด เสื้อกันหนาว 100 ตัว ผ้าถุงโสร่ง 200 ผืน และหญ้าแห้งสำหรับสัตว์เลี้ยง 30,000 กิโลกรัมแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัย แล้วอีกทั้งใด้สนับสนุนเครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ์ และเจ้าหน้าที่ เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ และสิ่งสาธารณะประโยชน์ต่างๆ ที่ได้รับความเสียหาย รวมทั้งได้ประสานให้จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน พ.ศ.2550 ( 50 ล้านบาท ) นอกจากนี้ จากการตรวจสอบสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า พื้นที่ภาคใต้ตอนล่างจะมีฝนตกหนักและคลื่นลมในทะเลรุนแรง ซึ่งอาจสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้ จึงได้แจ้งเตือนไปยังศูนย์ ปภ.เขต 11 สุราษฎร์ธานี และศูนย์ ปภ.เขต 12 สงขลา และจังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ตรัง สตูล ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ให้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์ในพื้นที่ตลอด 24 ชั่วโมง
พร้อมจัดเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือไว้ให้พร้อม ใช้งาน เพื่อสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยเมื่อเกิดภัยพิบัติได้อย่างทันท่วงที ตลอดจนแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ภัยให้ระมัดระวังน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลันในระยะนี้ สุดท้ายนี้ หากประชาชนในพื้นที่ใดได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่สายด่วนสาธารณภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อประสานและให้การช่วยเหลือ โดยด่วนต่อไป