กรุงเทพฯ--10 ส.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานอิทธิพลของพายุโซนร้อน "เซินติญ" และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคม – 10 สิงหาคม 2561 ทำให้เกิดสถานการณ์ภัยใน 30 จังหวัด สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 21 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 9 จังหวัด ได้แก่ นครพนม อุบลราชธานี บึงกาฬ สกลนคร ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ยโสธร เพชรบุรี และสุราษฎร์ธานี ซึ่ง ปภ. ได้ร่วมกับหน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงแจกจ่ายถุงยังชีพและเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแล้ว
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า อิทธิพลของพายุโซนร้อน "เซินติญ" และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคม – 9 สิงหาคม 2561 ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มใน 30 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี ตาก เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน พิจิตร นครสวรรค์ ตราด แพร่ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง เพชรบุรี ลำปาง น่าน อุตรดิตถ์ อำนาจเจริญ พะเยา เชียงราย กาฬสินธุ์ นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี บึงกาฬ สกลนคร ร้อยเอ็ด ยโสธร หนองคาย พังงา และสุราษฎร์ธานี รวม 96 อำเภอ 347 ตำบล 2,118 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 47,265 ครัวเรือน 129,559 คน ผู้เสียชีวิต 1 ราย สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 21 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 9 จังหวัด รวม 36 อำเภอ 183 ตำบล 1,301 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 25,628 ครัวเรือน 63,855 คน ได้แก่ นครพนม น้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ 12 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนครพนม อำเภอเรณูนคร อำเภอปลาปาก อำเภอท่าอุเทน อำเภอโพนสวรรค์ อำเภอธาตุพนม อำเภอบ้านแพง อำเภอนาแก อำเภอวังยาง อำเภอศรีสงคราม อำเภอนาหว้า และอำเภอนาทม รวม 94 ตำบล 878 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 17,019 ครัวเรือน 37,540 คน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง อุบลราชธานี ยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอเขื่องใน รวม 5 ตำบล 23 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 509 ครัวเรือน 1,758 คน ปัจจุบันระดับน้ำในแม่น้ำชีมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น บึงกาฬ น้ำในแม่น้ำโขงล้นตลิ่งในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองบึงกาฬ อำเภอบุ่งคล้า อำเภอโซ่พิสัย อำเภอปากคาด และอำเภอศรีวิไล รวม 23 ตำบล 126 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,604 ครัวเรือน 8,736 คน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง สกลนคร ยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วม 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโพนนาแก้ว และอำเภอนิคมน้ำอูน รวม 2 ตำบล 2 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1 ครัวเรือน 3 คน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง ร้อยเอ็ด ยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมอำเภอเสลภูมิ รวม 1 ตำบล 2 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 12 ครัวเรือน 34 คน ปัจจุบันระดับน้ำเพิ่มขึ้น กาฬสินธุ์ น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ อำเภอกมลาไสย อำเภอฆ้องชัย อำเภอดอนจาน และอำเภอร่องคำ รวม 23 ตำบล 86 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 961 ครัวเรือน 1,873 คน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง ยโสธร น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองยโสธร อำเภอไทยเจริญ อำเภอป่าติ้ว อำเภอกุดชุม และอำเภอคำเขื่อนแก้ว รวม 24 ตำบล 105 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,451 ครัวเรือน 8,972 คน ปัจจุบันระดับน้ำในลุ่มน้ำเซบายเพิ่มขึ้น ส่วนระดับน้ำในลุ่มน้ำชีมีแนวโน้มลดลง เพชรบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแก่งกระจาน และอำเภอท่ายาง รวม 6 ตำบล 27 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 396 ครัวเรือน 1,714 คน ปัจจุบันระดับน้ำเพิ่มขึ้น และสุราษฎร์ธานี น้ำไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพนม อำเภอพระแสง และอำเภอชัยบุรี รวม 5 ตำบล 32 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 675 ครัวเรือน 3,225 คน ปัจจุบันระดับน้ำทรงตัว ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงแจกจ่ายถุงยังชีพและเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแล้ว ท้ายนี้ หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือ ได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป