กรุงเทพฯ--10 ส.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค (DOD) เผยผลการดำเนินงาน งวดไตรมาส 2/2561 มีรายได้รวม 233.94 ล้าน บาท เพิ่มขึ้น 96.72% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 118.92 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 112.11 ล้าน บาท เพิ่มขึ้น 105.57% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 54.54 ล้านบาท เป็นผลจากการย้ายโรงงานใหม่ ทำให้มี กำลังการผลิตและมีความสามารถในการรองรับออเดอร์ จากลูกค้าขนาดใหญ่ ได้เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ยังสามารถควบคุมต้นทุนการผลิต และมีการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี ด้านผู้บริหาร "ศุภมาส อิศรภักดี" ระบุครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มอัตราการเติบโตต่อเนื่อง พร้อมส่งซิก อยู่ระหว่างเจรจา ลูกค้ารายใหม่ๆเพิ่ม เดินหน้าตั้งเป้ารายได้ทั้งปี โตก้าวกระโดด เมื่อเทียบจากปีก่อน ที่มีรายได้ 388.56 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 142.19 ล้านบาท
นางสาวศุภมาส อิศรภักดี ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานประจำงวดไตรมาส 2/2561 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2561ว่า บริษัทฯมีรายได้รวม 233.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 96.72% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 118.92 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 112.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 105.57% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 54.54 ล้านบาท
ขณะที่ ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2561 บริษัทฯมีรายได้รวม 448.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108.03% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 215.48 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ จำนวน 223.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น153.60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 88.06 ล้านบาท
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการย้ายโรงงานใหม่ ทำให้มีกำลังการผลิตในการรองรับออเดอร์ จากลูกค้าขนาดใหญ่ เพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบัน บริษัทฯมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1,000,000 กล่องต่อเดือน และสามารถรองรับการผลิตได้เต็มที่ราว 1,500,000 กล่องต่อเดือน หรือคิดเป็นประมาณ 70% ของกำลังการผลิตทั้งหมด จากการรับจ้างพัฒนาและผลิต (ODM)
สำหรับภาพรวมธุรกิจของบริษัทฯในครึ่งปีหลัง 2561 นั้น บริษัทฯมองว่า ยังคงมีแนวโน้มอัตราการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับบริษัทฯอยู่ระหว่างเจรจาในการจ้างผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร กับลูกค้ารายใหม่ๆอีกหลายราย ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่า จะสามารถได้ข้อสรุปภายในช่วงครึ่งปีหลัง 2561นี้
ดังนั้น จึงมั่นใจว่า รายได้รวมของบริษัทฯในปีนี้ จะมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด เมื่อเทียบจากปีก่อนที่ มีรายได้ 388.56 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 142.19 ล้านบาท และรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่าระดับ 50% จากยอดการผลิตที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ส่วนความคืบหน้าโรงงานสกัดวัตถุดิบ (โรงที่ 2) ที่มีเทคโนโลยีและเครื่องจักรที่ทันสมัย เพื่อเพิ่มกำลัง การผลิตวัตถุดิบประเภทสารสกัดเพิ่มเติมและมีความหลากหลายในการผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึง ห้องปฏิบัติการวิจัยระดับสากล ตามมาตรฐาน ISO 17025 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการร่างแบบ พร้อมคาดว่า จะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2561 และจะสามารถเดินเครื่องการผลิตได้เต็มรูปแบบในปี 2563 โดยโรงสกัดดังกล่าวถือ เป็นโรงสกัดที่ครบวงจร และมีมาตรฐานสูงเทียบเท่ากับโรงสกัดยา ซึ่งการอนุมัติการร่างแบบจะต้องได้รับความเห็นชอบกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน
" ลูกค้าหันมาให้ความสำคัญเรื่องมาตรฐานการผลิตมากขึ้น ซึ่งDOD เป็นบริษัทเอกชนระดับตันๆ ที่สามารถตอบโจทย์คุณภาพ และการผลิตที่ครบวงจร ตามแบบสากลได้มากที่สุด โดยจะเห็นได้จากมาตรฐานการ รับรองจาก ISO22000:2005, HACCP, GMP Codex และ HALAL ซึ่งเป็นเครื่องหมายการันตีความน่าเชื่อถือ รวมกับการผลิตในห้องปลอดเชื้อ (Clean Room) ซึ่งเป็นมาตรฐานการผลิตเดียวกับการผลิตผลิตภัณฑ์ยา มาใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร " นางสาวศุภมาส กล่าวทิ้งท้าย