กรุงเทพฯ--10 ส.ค.--โทเทิล ควอลิตี้ พีอาร์
นิสสันจัดกิจกรรมให้ความรู้เรื่องการขับขี่ปลอดภัย พร้อมพาชมศูนย์วิจัยพัฒนายานยนต์ เพื่อเพิ่มความเข้าใจในเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนนและการขับขี่ที่สอดคล้องกับผู้หญิง
"นิสสันตระหนักถึงความสำคัญและพลังของผู้หญิง อีกทั้งยังเป็นการร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลวันแม่ที่กำลังจะมาถึงในปีนี้อีกด้วย" นาย ปีเตอร์ แกลลี รองประธานสายงานสื่อสารองค์กร นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว "ผู้ขับขี่นิสสันจะรู้สึกได้ถึงการขับขี่ที่ปลอดภัย และมั่นใจมากยิ่งขึ้น ด้วยกิจกรรมให้ความรู้เสริมความเข้าใจในเรื่องการขับขี่ปลอดภัย ผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัยของเรา"
บริษัท เอิร์นสท์ แอนด์ ยัง หรือ อีวาย หนึ่งในบริษัทตรวจสอบบัญชีชั้นนำ คาดการณ์ว่าภายในปี พ.ศ. 2561 รายได้ของผู้หญิงทั่วโลกทมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นมากถึง 18 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 576 ล้านล้านบาทไทย ดังนั้นผู้หญิงจึงมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อ ทั้งทางด้านการตัดสินใจ หรือการเป็นผู้ชี้นำมากถึงร้อยละ 70 ถึง 80 ผู้ชี้นำในที่นี้หมายรวมถึงการที่ผู้หญิงไม่ได้เป็นผู้จับจ่ายเพื่อตนเอง แต่บ่อยครั้งที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจหรือปฎิเสธไม่ซื้อสินค้าของผู้อื่น
"ลูกค้าผู้หญิงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เราต้องตอบสนองทั้งการเป็นเจ้าของและความต้องการในการขับขี่พวกเธอได้ โดยกิจกรรมครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีของนิสสันที่จะเน้นย้ำถึงความโดดเด่นต่างๆของฟีเจอร์นิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี (Nissan Intelligent Mobility) อย่างเช่น กล้องอัจฉริยะมองรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor หรือ AVM) ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นภาพแบบเรียลไทม์รอบตัวรถ 360 องศา อีกทั้งฟีเจอร์ที่เพิ่มความปลอดภัยอื่นๆ ที่ยังไม่เป็นที่คุ้นเคยนัก" แกลลี กล่าวเสริม
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ เช่นระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้งอัจฉริยะ (Intelligent Trace Control) จะมอบสมรรถนะในการควบคุมที่มากกว่า ทำให้รถยนต์ตอบสนองได้เร็วขึ้น ทั้งยังทำให้การขับขี่ดีขึ้นอีกด้วย โดยนิสสันได้พัฒนาระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้งอัจฉริยะนี้ เพื่อทำหน้าที่เสมือนกับผู้ช่วยในการขับขี่ขณะเข้าโค้งที่อันตรายหรือฉับพลับ จึงทำให้มั่นใจได้ตลอดการขับขี่
ระบบช่วยปรับความนุ่มนวลในห้องโดยสารอัจฉริยะ (Intelligent Ride Control) จะช่วยทำให้การขับขี่บนเส้นทางที่ขรุขระนั้นราบรื่นและนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น ในขณะที่รถยนต์อยู่บนท้องถนน ผู้โดยสารอาจจะรู้สึกถึงการกระทบกระเทือนขณะการเคลื่อนที่ของตัวรถยนต์ ดังนั้นระบบช่วยปรับความนุ่มนวลในห้องโดยสารอัจฉริยะนั้นจะเข้ามาช่วยในการควบคุมเครื่องยนต์ เบรก ซึ่งจะมอบประสบการณ์ในการขับขี่อย่างนุ่มนวลขึ้น
"ที่นิสสันลูกค้าคือหัวใจหลักในการดำเนินธุรกิจ บริษัทได้ลงทุนในการวิจัยและค้นคว้าสำหรับภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย" นาย ซาโตรุ มิโซกุจิ รองประธานอาวุโส สายงานวิจัยและพัฒนา นิสสัน มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิค กล่าวว่า "เมื่อปี พ.ศ. 2558 เราได้ทำการลงทุนมากกว่าหนึ่งพันล้าน ในการสร้างห้องทดสอบยานยนต์ในศูนย์วิจัยและค้นคว้าแห่งนี้ เพื่อเครื่องตอกย้ำว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญของนิสสันในภูมิภาคนี้ ด้วยบุคคลากรมากกว่า 250 คนที่ประจำการอยู่ ณ ศูนย์ฯ ดังกล่าว วิศวกรชาวไทยที่ได้ผ่านการฝึกอบรมเพื่อการปฎิบัติงานแบบมืออาชีพขั้นสูงจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อมาควบคุมห้องทดสอบสัญญาณรบกวนทางคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Anechoic chamber) ห้องทดสอบคุณภาพเสียง (Acoustic chamber) และห้องทดสอบประสิทธิภาพความทนทานของชิ้นส่วนรถยนต์และสมรรถนะของระบบส่งกำลังในห้องควบคุมอุณหภูมิและสภาพแวดล้อม (Vibration simulator with Environment Chamber) ให้ได้คุณภาพเสมอ "
ศูนย์ฯ ดังกล่าวตั้งอยู่ที่สมุทรปราการใกล้กรุงเทพฯ โดยเป็นศูนย์วิจัยและค้นคว้าหลักของภูมิภาค ซึ่งสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในตลาดของภูมิภาคนี้ได้อย่างดีเยี่ยม "หน้าที่ของศูนย์นี้มีตั้งแต่การประกันคุณภาพผลิตภัณฑ์ใหม่จนไปถึงขั้นตอนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นขั้นตอนเบื้องต้นของการทดสอบและการประเมินผลของการทดลอง โดยศูนย์นี้ยังมิได้เป็นเพียงศูนย์วิจัยและพัฒนาให้แก่ตลาดของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น แต่ยังทดสอบผลิตภัณท์ให้มากกว่า 90 ประเทศทั่วโลกอีกด้วย" ซาโตรุ เสริม
"ศูนย์วิจัยและค้นคว้าในประเทศไทย เป็นหนึ่งในสามศูนย์ที่ตั้งอยู่นอกประเทศญี่ปุ่น ที่มีสนามในการทดสอบขับที่มีเอกลักษณ์ด้วยรูปแบบถนนที่แตกต่างกันทั้ง 5 แบบ เสมือนถนนจริงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าจะเป็น ถนนขรุขระ ถนนเพื่อความเร็วสูง ถนนลูกคลื่น ถนนโค้ง และสะพาน ซาโตรุ กล่าวปิดท้ายว่า "ความพิเศษของศูนย์แห่งนี้คือ การที่ได้รวบรวมการทดสอบที่โดดเด่นไว้ด้วยกัน อาทิ การทดสอบประสิทธิภาพความทนทานของชิ้นส่วนรถยนต์ การทดสอบคุณภาพเสียง การทดสอบระบบโซล่าซิสเต็มส์ ซึ่งการทดสอบทั้งสามองค์ประกอบดังกล่าว สามารถเกิดขึ้นได้ในขณะเดียวกันจึงทำให้ศูนย์นี้มีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก"
เกี่ยวกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
นิสสัน ก่อตั้งในประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี พ.ศ 2476 โดยมีนโยบายหลักที่จะนำเสนอนวัตกรรมที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้กับลูกค้า (Innovation that Excites) ทำให้ลูกค้าได้รับความสุขกับรถของนิสสัน ขณะเดียวกันนิสสันยังต้องการปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้กับคนในสังคม โดยนิสสันได้ประกาศเป้าหมายในการมีส่วนร่วมลดค่ามลพิษให้เป็นศูนย์ และลดการสูญเสียบนท้องถนนให้เป็นศูนย์ นิสสันจึงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีการขับเคลื่อนที่อัจฉริยะ โดยมีแผนที่จะแนะนำระบบขับขี่อัตโนมัติ ในรถยนต์รุ่นหลักในภูมิภาคต่างๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนไปพร้อมๆ กับการสร้างความสุขให้กับผู้ขับขี่ สำหรับประเทศไทยนิสสันเริ่มดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2495 ปัจจุบันมีบริษัทในเครือ 5 แห่ง และฐานการผลิตรถยนต์รวม 2 แห่ง มีเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการมากกว่า 180 แห่ง โดยมีผลิตภัณฑ์รถยนต์ตอบสนองลูกค้าทุกเซกเมนต์รวม 10 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์อีโค คาร์ รถยนต์อเนกประสงค์ รถยนต์พรีเมี่ยมซีดาน รถกระบะ และรถตู้
เกี่ยวกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด
นิสสัน เป็นผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกที่จำหน่ายรถยนต์มากกว่า 60 รุ่นภายใต้แบรนด์นิสสัน อินฟินิตี้ และดัทสัน ในปีงบประมาณ 2560 บริษัทฯ มียอดขายรถยนต์มากกว่า 5.77 ล้านคันทั่วโลก สร้างรายได้มูลค่า 11.9 ล้านล้านเยน ในวันที่ 1 เมษายน 2560 บริษัทฯ เริ่มดำเนินการแผนกลยุทธ์ระยะกลาง Nissan M.OV.E. to 2022 ซึ่งเป็นแผนธุรกิจ 6 ปีที่มีเป้าหมายในการเพิ่มรายได้ 30% เป็นมูลค่า 16.5 ล้านล้านเยน เมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณ 2565 โดยมีกระแสเงินสดสะสมจำนวน 2.5 ล้านล้านเยน ภายใต้กลยุทธ์ดังกล่าว นิสสันมุ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำในนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ผ่านรถยนต์นิสสัน ลีฟ ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์ สำนักงานใหญ่ของนิสสันที่ตั้งอยู่ที่เมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น แบ่งเขตปฏิบัติการออกเป็น 6 พื้นที่ ประกอบไปด้วย เอเชียและโอเชียเนีย แอฟริกา ตะวันออกกลางและอินเดีย จีน ยุโรป ละตินอเมริกา และอเมริกาเหนือ นิสสันเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ เรโนลต์ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศส ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 และ ได้เข้าซื้อหุ้นเป็นจำนวน 34% จากมิตซูบิชิในปี พ.ศ. 2559 ปัจจุบันเรโนลต์ นิสสัน และมิตซูบิชิ มอเตอร์สเป็นพันธมิตรธุรกิจยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดและมียอดขายรวมกันมากกว่า 10.6 ล้านคันในปี 2560
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การบริการ และความมุ่งมั่นในการนำเสนอยานยนต์เพื่อความยั่งยืน สามารถติดตามได้ที่ nissan-global.com, Facebook, Instagram, Twitter , LinkedIn และรับชมวีดีโอล่าสุดที่ YouTube