กรุงเทพฯ--14 ส.ค.--
บมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP) สร้างความประทับใจให้ผู้ถือหุ้นอีกครั้ง หลังประกาศงบไตรมาส 2/61 ไม่ทำให้ผิดหวัง กำไรสุทธิ 83.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.09% ส่วนรายได้จากการขายและให้บริการเท่ากับ 3,696.16 ล้านบาท เหตุบริษัทมีความสามารถในการบริหารค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง "ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง"ส่งสัญญาณนับจากนี้ WP จะมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ระบุนับจากนี้เดินหน้าลุยธุรกิจตามแผน เพื่อให้บรรลุเป้าเป็นผู้นำธุรกิจพลังงานอย่างครบวงจร
นางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (WP) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานงวดไตรมาส2/2561 (สิ้นสุดวันที่ 30มิถุนายน 2561) ของบริษัทและบริษัทย่อยว่า มีกำไรสุทธิ 83.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.69 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 13.09% จากงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 74.01 ล้านบาท โดยในไตรมาสที่ 2 ของปี 2561 กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการเท่ากับ 3,696.16ล้านบาท และรายได้อื่นๆ เท่ากับ 62.08 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทสามารถตอบสนองตลาดทั้งในและต่างประเทศ ตามความต้องการใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ที่เพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทฯยังคงเดินหน้าผลักดันธุรกิจให้เติบโตอย่างมีศักยภาพ ตามแผนงานที่วางไว้ และเน้นบริหารค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะที่ผลิตภัณฑ์และการบริการสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุดและทันเวลา ดังนั้นจึงทำให้มั่นใจว่า WP จะสามารถรักษามาตรฐานการดำเนินธุรกิจ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะนำมาซึ่งผลที่ทำให้บริษัทฯสามารถขยายตัวได้มากกว่าที่เป็นอยู่
"ผลประกอบการงวดครึ่งปีแรกที่ออกมานั้น ถือว่าเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เป็นเพราะกลุ่มบริษัทมีความสามารถในการบริหารค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ประกอบกับมีแผนธุรกิจและทิศทางการเติบโตที่ชัดเจน ทำให้ WP สามารถรักษามาตรฐานการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และบริหารผลการดำเนินงานทั้งในส่วนของกำไรและรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้"นางสาวชมกมลกล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯประเมินแนวโน้มราคา LPG ในช่วงที่เหลือของปีนี้ คาดว่า ราคาจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนคือความต้องการใช้ LPG ที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากในภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งจะทำให้ตลาดก๊าซ LPG กลับมาคึกคักได้อย่างต่อเนื่อง และเป็นตัวสนับสนุนให้ยอดขายโดยรวมของบริษัทเติบโตขึ้นได้ตามเป้าหมายที่วางไว้