กรุงเทพฯ--14 ส.ค.--สยามมิชลิน
มิชลิน ผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยียางรถระดับโลก รุกปลุกกระแสตลาดยางรถจักรยานในไทย มุ่งสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รับรู้และจดจำในกลุ่มนักปั่นมือใหม่และมืออาชีพ โดยล่าสุดได้วางตลาดนวัตกรรมยางเสือภูเขา 3 รุ่น ได้แก่ 'มิชลิน เจ็ท เอ็กซ์ซีอาร์' (MICHELIN JET XCR), 'มิชลิน ฟอร์ซ เอ็กซ์ซี' (MICHELIN FORCE XC) และ 'มิชลิน ฟอร์ซ เอเอ็ม' (MICHELIN FORCE AM) พร้อมเปิดตัว 'โปร ไซเคิล' (Pro Cycle) เป็นผู้จัดจำหน่ายยางรถจักรยานภายใต้แบรนด์มิชลินในไทย เพื่อเสริมประสิทธิภาพการกระจายสินค้าถึงมือนักปั่นทั่วประเทศ ในโอกาสนี้ยังตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดยางเสือหมอบด้วยนวัตกรรมยาง 2 รุ่น ได้แก่ 'มิชลิน เพาเวอร์ คอมเพททิชั่น' (MICHELIN POWER COMPETITION) และ'มิชลิน เพาเวอร์ เอ็นดูรานซ์' (MICHELIN POWER ENDURANCE)
มร. รอสส์ ชีลส์ ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ 2 ล้อ ภูมิภาคเอเชีย บริษัท สยามมิชลิน จำกัด เปิดเผยว่า มิชลินมีส่วนแบ่งตลาดยางรถจักรยานค่อนข้างสูงในทวีปยุโรปและสหรัฐอเมริกา และเล็งเห็นถึงศักยภาพที่จะขยายฐานตลาดในเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย ซึ่งแม้ที่ผ่านมาภาพรวมตลาดจะทรงตัว แต่มีสัญญาณบ่งชี้ถึงปัจจัยบวกต่างๆ อาทิ การเพิ่มพื้นที่สาธารณะสำหรับนักปั่นจักรยาน รวมถึงการกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งหลังปิดปรับปรุงของสนามลู่ปั่นจักรยานเจริญสุขมงคลจิต หรือชื่อเดิม Sky Lane เมื่อต้นปี 2561 และนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวและความนิยมในการออกกำลังกายด้วยจักรยานในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ
"ในการรุกตลาดครั้งนี้ เรามุ่งสร้างการรับรู้และจดจำแบรนด์มิชลินในฐานะแบรนด์ยางรถจักรยานชั้นนำที่มีผลิตภัณฑ์วางจำหน่ายครบทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับนักปั่นทุกระดับ ทั้งกลุ่มCompetition Line ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์พรีเมียมสำหรับนักปั่นมืออาชีพและนักปั่นที่ใช้งานหนัก, กลุ่ม Performance Line ที่เหมาะสำหรับการขับขี่ทั่วไป และกลุ่ม Access Line ที่เหมาะสำหรับนักปั่นที่ใช้งานจักรยานในบางครั้งบางคราว โดยผลิตภัณฑ์ยางรถจักรยานของแบรนด์มิชลินทุกกลุ่มมีจุดเด่นในเรื่องสมรรถนะการขับขี่ ประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนน และโครงสร้างยางที่ช่วยป้องกันการทิ่มตำได้เป็นอย่างดี" มร. ชีลส์ กล่าว
พร้อมกับการประกาศรุกตลาดครั้งนี้ มิชลินได้เปิดตัวยางเสือภูเขา 3 รุ่น ได้แก่ § 'มิชลิน เจ็ท เอ็กซ์ซีอาร์' (MICHELIN JET XCR) ยางรถจักรยานกลุ่ม Competition Line ที่พัฒนาขึ้นเพื่อการแข่งขันโดยเฉพาะ ผ่านการทดสอบและทดลองใช้โดยทีมแข่งชั้นนำในการแข่งขันจักรยานเสือภูเขา The XCO-UCI CLASS ปี 2559 มีคุณสมบัติเด่น คือ น้ำหนักเบา ด้วยเทคโนโลยีโครงสร้าง Race Shield ผลิตจากไฟเบอร์ที่มีความหนาแน่น 3x150 TPI, ประสิทธิภาพสูง ด้วยเทคโนโลยี Gum-X2D ที่ผสาน 2 เนื้อยางของยางชั้นในและยางชั้นนอกเข้าด้วยกันช่วยเพิ่มพลังในการขับขี่โดยปราศจากแรงฉุดและเพิ่มประสิทธิภาพการเบรก และแข็งแรงยิ่งกว่า ด้วยโครงสร้างยางเสริมแรงแบบหนาแน่นที่ช่วยปกป้องยางจากการทิ่มตำ
- 'มิชลิน ฟอร์ซ เอ็กซ์ซี' (MICHELIN FORCE XC) ยางรถจักรยานทรงประสิทธิภาพกลุ่ม Performance Line ที่เหมาะสำหรับนักปั่นจักรยานเสือภูเขาประเภทครอสคันทรี พัฒนาโดยทีมนักปั่นระดับโลก มีคุณสมบัติเด่น คือ น้ำหนักเบาและแรงดันต่ำ ด้วย
เทคโนโลยี Tubeless Ready ทั้งยังลดโอกาสการเจาะรั่วของยาง, ดอกยางลวดลายพิเศษ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่และยึดเกาะถนน และแข็งแกร่งทนทาน ด้วยโครงสร้างแบบ 3x60 TPI ช่วยให้ขับขี่ได้ระยะทางมากขึ้น รวดเร็วและมั่นใจในทุกการเข้าโค้ง
และ - 'มิชลิน ฟอร์ซ เอเอ็ม' (MICHELIN FORCE AM) ยางรถจักรยานกลุ่ม Performance Line ที่มีดีไซน์เหมือนยางสำหรับแข่ง พัฒนาโดยนักปั่นชั้นนำระดับโลก มีคุณสมบัติเด่น คือ ต้านทานการทิ่มตำ ด้วยเทคโนโลยี Bead To Bead ที่เพิ่มส่วนเสริมแรงเพื่อประสิทธิภาพในการป้องกันปัญหายางแตกรั่วที่ดีขึ้น, ดอกยางและเนื้อยางพิเศษ โดยเฉพาะยางหลัง ช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับขี่และยึดเกาะถนน และทนทานยิ่งกว่า ด้วยโครงสร้าง Trail Shield 4x60 TPI ที่เพิ่มส่วนเสริมแรงพิเศษสำหรับการขับขี่แบบ all mountain/trail โดยเฉพาะ จึงขับขี่ได้อย่างต่อเนื่องและได้ระยะทางมากขึ้น
"อย่างไรก็ตาม กลุ่มผลิตภัณฑ์ยางรถจักรยานที่มิชลินให้ความสำคัญเป็นพิเศษในไทย คือ กลุ่มยางเสือหมอบ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีผู้ใช้งานแพร่หลาย และผลิตภัณฑ์ยางของเรามีความโดดเด่นในเรื่องสมรรถนะและนวัตกรรม ซึ่งยางทั้ง 2 รุ่นของเราคือบทพิสูจน์ความเป็นเลิศ โดย 'มิชลิน เพาเวอร์ คอมเพททิชั่น' เป็นยางเสือหมอบที่ให้สมรรถนะความเร็วสูงสุด ในขณะที่ 'มิชลิน เพาเวอร์ เอ็นดูรานซ์' ให้ความแข็งแกร่งทนทานถึงขีดสุด" มร. ชีลส์ เผย
'มิชลิน เพาเวอร์ คอมเพททิชั่น' เป็นยางเสือหมอบกลุ่ม Competition Line ที่มีคุณสมบัติเด่น คือ สมรรถนะความเร็วสูงสุด ด้วยเทคโนโลยี Race Compound ที่พัฒนาต่อยอดมาจากเทคโนโลยียางที่ใช้ในการแข่งขัน Moto GP สามารถลดแรงต้านทานการขับเคลื่อนได้ถึง 10 วัตต์ และลดแรงต้านทานการหมุนของล้อลงได้ถึง 25% เมื่อเทียบกับยางรุ่นก่อนหน้า จึงทำเวลาได้ดีขึ้น, เกาะถนนเป็นเยี่ยม ในทุกความเร็ว โดยเฉพาะตอนการเข้าโค้ง และแข็งแรงทนทาน ด้วยเทคโนโลยี Aramid Protek ที่ช่วยป้องกันหน้ายางจากการบาดตำเพิ่มขึ้น 13% สำหรับ 'มิชลิน เพาเวอร์ เอ็นดูรานซ์' เป็นยางเสือหมอบกลุ่ม Competition Line ที่มีคุณสมบัติเด่น คือ ขับขี่ได้ระยะทางมากขึ้น ด้วยเทคโนโลยี X-Miles Compound ที่ใช้เนื้อยางส่วนผสมพิเศษและเสริมความหนาบริเวณหน้ายางเพื่อช่วยป้องกันการสึกหรอ, แข็งแกร่งทนทานยิ่งกว่า ด้วยเทคโนโลยี Aramid Protek ที่ช่วยป้องกันหน้ายางจากการบาดตำเพิ่มขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับยางรุ่นก่อนหน้า และยึดเกาะเป็นเยี่ยม ด้วยเทคโนโลยี Grip Design บนหน้ายาง และ Bi-Compound ในเนื้อยาง ช่วยให้ขับขี่ได้เร็วและปลอดภัยแม้บนทางโค้ง
"เพื่อเสริมประสิทธิภาพการกระจายสินค้าถึงมือนักปั่นทั่วประเทศ เรายังได้แต่งตั้งให้ 'โปร ไซเคิล' ซึ่งมีเครือข่ายร้านค้าชั้นนำในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ เป็นผู้จัดจำหน่ายยางรถจักรยานภายใต้แบรนด์มิชลินในไทย การรุกตลาดอย่างจริงจังครั้งนี้เชื่อว่าจะทำให้มิชลินครองส่วนแบ่งตลาดยางรถจักรยานในไทยเพิ่มขึ้น และมีส่วนส่งเสริมให้คนไทยหันมาปั่นจักรยานกันมากขึ้นด้วย" มร. ชีลส์ กล่าวสรุป
ผู้สนใจสามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ยางรถจักรยานเสือภูเขา 3 รุ่นล่าสุดและยางรถจักรยานรุ่นอื่นๆ ภายใต้แบรนด์ 'มิชลิน' ได้ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายในเครือ 'โปร ไซเคิล' และร้านจักรยานชั้นนำทั่วประเทศ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท โปรไซเคิล จำกัด โทร 0 2683 1778 เว็บไซต์ http://procycle.co.th
เกี่ยวกับมิชลิน
มิชลิน ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมยางรถยนต์ มุ่งมั่นส่งเสริมการสัญจรของลูกค้าอย่างยั่งยืน ออกแบบและจัดจำหน่ายยางที่เหมาะกับการใช้งานมากที่สุด ตลอดจนให้บริการและโซลูชั่นที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งครอบคลุมการให้บริการทางดิจิตอล การจัดทำคู่มือและแผนที่สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่างไม่เหมือนใคร รวมถึงการพัฒนาวัสดุทางเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับอุตสาหกรรมการสัญจร กลุ่มมิชลินมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองแกลร์มง-แฟร็อง ประเทศฝรั่งเศส และมีสำนักงานสาขาอยู่ในกว่า 171 ประเทศ โดยมีพนักงาน 114,000 คนทั่วโลก และมีโรงงานผลิต 70 แห่งใน 17 ประเทศ ซึ่งผลิตยางรวมกันได้สูงถึง 190 ล้านเส้นในปี 2560 คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.michelin.co.th