กรุงเทพฯ--14 ส.ค.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์
การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจับมือภาครัฐและเอกชนร่วมปลูกต้นไม้ บนเนื้อที่ 1.5 ไร่ เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในนิคมฯ พร้อมกับเป็นแนวกันชนโดยรอบพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม อันจะช่วยลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม พร้อมช่วยปรับทัศนียภาพให้สวยงามและช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากนี้ ในปี 2562 ยังมีเป้าหมายที่จะผลักดันให้นิคมอุตสาหกรรมทั้งหมดที่เปิดดำเนินการแล้วพัฒนาเข้าสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในระดับ Eco-Champion เพื่อความเป็นเลิศในการพัฒนาและบริการนิคมอุตสาหกรรมให้เป็นองค์กรชั้นนำในระดับภูมิภาคอาเซียน
นางสาวสมจิณณ์ พิลึก รองผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า จากนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมเศรษฐกิจและการพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน (SEZ) ที่มีเป้าหมายในการยกระดับฐานการผลิต การลงทุน ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เพื่อรองรับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่จะเข้ามาจำหน่ายสินค้า (OTOP) และขยายเส้นทางเชื่อมโยงการค้าในประเทศเพื่อนบ้าน โครงการดังกล่าวยังมีวัตถุประสงค์ที่จะกระจายความเจริญสู่ภูมิภาคและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน กนอ.จึงได้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการชุมชน (OTOP) มีช่องทางตลาดสำหรับจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของสินค้าของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากนี้ กนอ.ยังมุ่งหวังที่จะต่อยอดพื้นที่เหล่านี้ให้ได้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวชายแดนที่มีศักยภาพสอดคล้องกับวิสัยทัศน์การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ และแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นกลไกในการดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักลงทุน ต่อเนื่องถึงการสร้างงานสร้างรายได้ให้กับหน่วยเศรษฐกิจทุกระดับของประเทศต่อไป
ล่าสุด กนอ.ได้จัดโครงการ "ประชารัฐร่วมใจ ปลูกต้นไม้ถวายความจงรักภักดี" ในนิคมอุตสาหกรรมสระแก้ว อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งการจัดกิจกรรมในครั้งนี้มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม โดยได้นำเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่จำนวน 300 ราย ร่วมปลูกต้นไม้กว่าบนเนื้อที่ 1.5 ไร่ ได้แก่ ต้นรวงผึ้ง ต้นแคนา ต้นปีป และต้นมะฮอกกานี เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในนิคมฯ พร้อมกับเป็นแนวกันชนโดยรอบพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม อันจะช่วยลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม พร้อมช่วยปรับทัศนียภาพให้สวยงามและช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ นอกจากนี้ การจัดโครงการดังกล่าว ยังเป็นการแสดงถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ที่ทรงมีต่อการพัฒนาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติไทย
นางสาวสมจิณณ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา การนิคมฯ เล็งเห็นถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นจากการพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมจึงมีเป้าหมายผลักดันให้นิคมอุตสาหกรรมพัฒนาเข้าสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศพร้อมรักษาพื้นที่สีเขียวและความสมดุลระหว่างธรรมชาติกับองค์ประกอบอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ภายใต้แนวคิด "เป็นองค์กรหลักที่มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศโดยเน้นภาคอุตสาหกรรมและบริการสู่อนาคตที่ยั่งยืน"
นอกจากนี้ ในปี 2562 ยังมีเป้าหมายที่จะผลักดันให้นิคมอุตสาหกรรมทั้งหมดที่เปิดประกอบการอุตสาหกรรมแล้ว พัฒนาเข้าสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในระดับ Eco-Champion หรือ นิคมอุตสาหกรรมที่ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ สามารถอยู่ร่วมกับชุมชนอย่างผาสุกบนหลักธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม อย่างทั่วถึง 100 % พร้อมส่งเสริมประสิทธิภาพเศรษฐเชิงนิเวศ โดยนิคมอุตสาหกรรมสระแก้วจะเป็นนิคมอุตสาหกรรมแห่งแรกที่มีการออกแบบตามแนวคิดนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ โดยเน้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะและปัญหาสิ่งแวดล้อมแก่ท้องถิ่นและชุมชนที่มีพื้นที่สีเขียว 66.16 ไร่ (10%) โดยความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการระยะที่ 1 ประกอบด้วย ลานประชารัฐและอาคารโรงงานมาตรฐานสำเร็จรูป 3 หลัง ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จและสำหรับการก่อสร้างโครงการเต็มรูปแบบดำเนินการไปแล้วกว่า 50% และคาดว่า จะสามารถเปิดดำเนินการได้ภายในเดือนธันวาคม 2561 นี้
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจรายละเอียด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายกองตลาดและลูกค้าสัมพันธ์ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ถนนนิคมมักกะสัน กรุงเทพฯ โทร. 0 2253 0561 ต่อ 2123 หรืออีเมล investment.1@ieat.mail.go.th