กรุงเทพฯ--16 ส.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์
บอร์ด บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค (DOD) มีมติปรับโครงสร้างใหม่ตั้ง "ศุภมาส อิศรภักดี" ขึ้นดำรงตำแหน่ง CEO พร้อมดัน "ภูวดล สุนทรวิภาต"เข้ามารับตำแหน่ง MD และส่งซิกครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มอัตราการเติบโตต่อเนื่อง พร้อมระบุอยู่ระหว่างเจรจา ลูกค้ารายใหม่ๆเพิ่ม มั่นใจรายได้ทั้งปี โตก้าวกระโดด เมื่อเทียบจากปีก่อน ที่มีรายได้ 388.56 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 142.19 ล้านบาท ส่วนความคืบหน้าโรงงานสกัดวัตถุดิบ (โรงที่ 2)รวมถึง ห้องปฏิบัติการวิจัยระดับสากล ตามมาตรฐาน ISO 17025 อยู่ระหว่างการร่างแบบ ให้เป็นไปตามมาตรฐาน ของคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เชื่อสามารถเดินเครื่องการผลิตได้เต็มรูปแบบ โรงสกัดที่ครบวงจร ภายในปี 2563
ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 5/2561 เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2561 ได้มีมติอนุมัติแต่งตั้งและเปลี่ยนแปลงตำแหน่งผู้บริหารตามโครงสร้างองค์กรของบริษัทที่เปลี่ยนแปลง เพื่อรองรับการเติบโตขององค์กรให้สามารถตอบสนองการทำงานได้อย่างกระชับ รวดเร็ว มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยนางสาวศุภมาส อิศรภักดี เปลี่ยนตำแหน่งใหม่เป็น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, แต่งตั้งนายภูวดล สุนทรวิภาต ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ, นางสาวเรณุมาศ อิศรภักดี เปลี่ยนตำแหน่งใหญ่เป็นรองกรรมการผู้จัดการสายปฏิบัติการ, นางสาว สุวารินทร์ ก้อนทอง เปลี่ยนตำแหน่งใหม่เป็นรองกรรมการผู้จัดการสายบัญชี และการเงิน และแต่งตั้ง นายวุฒิชัย อนันตกุล ดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการสายโรงงาน
นางสาวศุภมาส อิศรภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจของบริษัทฯในครึ่งปีหลัง 2561ว่า บริษัทฯยังคงมีแนวโน้มอัตราการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับบริษัทฯอยู่ระหว่างเจรจาในการจ้างผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร กับลูกค้ารายใหม่ๆอีกหลายราย ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่า จะสามารถได้ข้อสรุปภายในช่วงครึ่งปีหลัง 2561นี้อย่างแน่นอน
ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทฯมั่นใจว่า รายได้รวมของบริษัทฯในปีนี้ จะมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด เมื่อเทียบจากปีก่อนที่ มีรายได้ 388.56 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 142.19 ล้านบาท พร้อมทั้งจะรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่าระดับ 50% จากยอดการผลิตที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
สำหรับความคืบหน้าโรงงานสกัดวัตถุดิบ (โรงที่ 2) ที่มีเทคโนโลยีและเครื่องจักรที่ทันสมัย เพื่อเพิ่มกำลัง การผลิตวัตถุดิบประเภทสารสกัดเพิ่มเติมและมีความหลากหลายในการผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึง ห้องปฏิบัติการวิจัยระดับสากล ตามมาตรฐาน ISO 17025 นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการร่างแบบ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2561 และจะสามารถเดินเครื่องการผลิตได้เต็มรูปแบบได้ภายในปี 2563 โดยโรงสกัด2 ของ DOD ถือเป็นโรงสกัดที่ครบวงจร และมีมาตรฐานสูงเทียบเท่ากับโรงสกัดยา ซึ่งการอนุมัติการร่างแบบจะต้องได้รับความเห็นชอบกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน
ทั้งนี้ บริษัทฯเชื่อว่า เราเป็นบริษัทเอกชนระดับตันๆแห่งแรก ที่สามารถตอบโจทย์คุณภาพ และการผลิตที่ครบวงจร ตามแบบสากลได้มากที่สุด โดยจะเห็นได้จากมาตรฐานการ รับรองจาก ISO22000:2005, HACCP, GMP Codex และ HALAL ซึ่งเป็นเครื่องหมายการันตีความน่าเชื่อถือ รวมกับการผลิตในห้องปลอดเชื้อ (Clean Room) ที่เป็นมาตรฐานการผลิตเดียวกับการผลิตผลิตภัณฑ์ยา มาใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
" ผลการดำเนินงานประจำงวดไตรมาส 2/2561 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2561บริษัทฯมีรายได้รวม 233.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 96.72% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 118.92 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 112.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 105.57% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 54.54 ล้านบาท ขณะที่ ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2561 บริษัทฯมีรายได้รวม 448.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108.03% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 215.48 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ จำนวน 223.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น153.60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 88.06 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการย้ายโรงงานใหม่ ทำให้มีกำลังการผลิตในการรองรับออเดอร์ จากลูกค้าขนาดใหญ่ เพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบัน บริษัทฯมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1,000,000 กล่องต่อเดือน และสามารถรองรับการผลิตได้เต็มที่ราว 1,500,000 กล่องต่อเดือน หรือคิดเป็นประมาณ 70% ของกำลังการผลิตทั้งหมด จากการรับจ้างพัฒนาและผลิต (ODM) " ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าว