กรุงเทพฯ--16 ส.ค.--โทเทิล ควอลิตี้ พีอาร์
- เอสยูวีอัจฉริยะใหม่แบบตัวถังบนแชสซีส์มาพร้อมสมรรถนะ ความสะดวกสบายและเทคโนโลยีชั้นสูง
- ราคาเริ่มต้นที่ 1,316,000 บาท (2.3V 2WD 7AT)
- ย้ำคำมั่นสัญญาที่มีต่อประเทศไทย ในฐานะส่วนหนึ่งของแผนระยะกลาง Nissan M.O.V.E 2022
- ฐานการผลิตในประเทศไทยสำหรับตลาดในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดตัว นิสสัน เทอร์ร่า ใหม่ รถยนต์อเนกประสงค์แบบตัวถังบนแชสซีส์ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของ บริษัทฯ ที่มีต่อตลาดและอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย
ลูกค้าสามารถจอง เทอร์ร่า ใหม่ ได้ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม นี้ ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 1,316,000 บาท สำหรับรุ่น 2.3 V 2WD 7AT 1,349,000 บาทสำหรับรุ่น 2.3 VL 2WD 7AT และ 1,427,000 บาท สำหรับรุ่น 2.3 VL 4WD 7AT โดยมีให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีน้ำตาล เอิร์ธ บราวน์ (Earth Brown), สีดำ แบล็คสตาร์ (Black Star), สีขาว ไวท์เพิร์ล (White Pearl), สีเงิน บริลเลียนท์ ซิลเสอร์ (Brilliant Silver) และ สีเทา ทไวไลท์ เกรย์ (Twilight Gray)
เทอร์ร่า ใหม่ ผสมผสานสมรรถนะเครื่องยนต์ใหม่ที่ดีที่สุดในรถระดับเดียวกัน มีพื้นที่ภายในใช้สอยที่กว้างขวางแบบ 7 ที่นั่ง และเทคโนโลยี นิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี ทำให้ลูกค้าเดินทางไปได้ทุกที่ด้วยความมั่นใจ
"เทอร์ร่า ใหม่ ให้อิสระในการขับขี่ทุกสภาวะเส้นทาง และทุกสภาพอากาศ เช่นเดียวกับเอสยูวีของนิสสัน รุ่นต่างๆ ที่มีมาก่อนหน้า โดย เทอร์ร่า ใหม่ สร้างขึ้นเพื่อพิชิตความท้าทายต่างๆ ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัย และยกระดับความสะดวกสบาย" มร. อันตวน บาร์เตส ประธาน นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าว "เราภาคภูมิใจที่ได้เปิดตัว เทอร์ร่า ใหม่ จากฐานการผลิตในประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตของนิสสัน สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้"
เทอร์ร่า ใหม่ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวของแผนธุรกิจในระยะกลางของนิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย หรือ Nissan M.O.V.E. 2022 ที่มุ่งมั่นนำเสนอรถยนต์ใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า มร. บาร์เตส ยังกล่าวเสริมว่า "เทอร์ร่า ใหม่ และ ลีฟ ใหม่ จะเปิดตัวพร้อมจำหน่ายภายในปีงบประมาณ 2018 เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราที่ต้องการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ ๆ สำหรับลูกค้าในภูมิภาคนี้"
เทอร์ร่า ใหม่ พัฒนาจากประสบการณ์กว่า 60 ปี ทั้งในรถยนต์เอนกประสงค์ และการทำธุรกิจในประเทศไทย มาพร้อมเครื่องยนต์ YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ ระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 7 สปีด ให้กำลังสูงสุดที่ 190 แรงม้า และมีแรงบิดมหาศาลที่ 450 นิวตัน-เมตร ให้อัตราเร่งที่ดี ให้พละกำลังต่อเนื่องพร้อมทุกการขับขี่เมื่อเทียบกับเอสยูวีในระดับเดียวกัน
รถยนต์อเนกประสงค์แบบตัวถังบนแชสซีส์อัจฉริยะนี้ มาพร้อมเทคโนโลยีล่าสุดจาก นิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี เพื่อเสริมการขับขี่ให้ปลอดภัยและมั่นใจยิ่งขึ้น โดย เทอร์ร่า ใหม่ เป็นเอสยูวีรายแรก และรายเดียวที่มีเทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะ หรือ Intelligent Rear View Mirror (IRVM) ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นทัศนวิสัยด้านหลังขณะขับขี่ นอกจากนี้ยังติดตั้งเทคโนโลยีเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง หรือ Lane Departure Warning (LDW) เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตาBlind Spot Warning (BSW) และเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง Intelligent Around View Monitor (IAVM) ที่มาพร้อม เทคโนโลยีตรวจจับ และส่งสัญญาณเตือนวัตถุ และบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน หรือ Moving Object Detection (MOD) โดยทั้งหมดนี้ จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นควบคู่กับการได้รับความสะดวกสบายอย่างสูงสุดสำหรับผู้โดยสารทุกคน
นอกจากนี้ยังมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่มาพร้อมเทคโนโลยีป้องกันการลื่นไถล Brake Limited Slip Differential (B-LSD) และระบบ Electronic Rear Differential-Lock รวมถึง เทคโนโลยีช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Start Assist (HSA) และเทคโนโลยีควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control (HDC) ที่ช่วยให้สามารถควบคุมความเร็วของรถได้ในสภาวะการขับขี่ที่สูงชัน และด้วยระยะความสูงจากพื้นถนนถึงใต้ท้องรถ หรือ Ground Clearance ถึง 225 มิลลิเมตร ยังช่วยลดความเสี่ยงจากความเสียหายที่มาจากถนนที่ขรุขระ มีหลุมบ่อไม่ราบเรียบ หรือ การขับรถผ่านพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังได้อย่างมั่นใจ
"นี่เป็นรถยนต์ที่ผลิตขึ้นในประเทศไทย สำหรับประเทศไทย รวมถึงตลาดอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยกำลังการผลิตรวมของนิสสันในประเทศไทยอยู่ที่ 370,000 คันต่อปีและคาดว่า เทอร์ร่า ใหม่ จะกลายเป็นส่วนสำคัญของเรื่องราวความสำเร็จของการผลิตในภูมิภาคนี้ของนิสสัน" มร. บาร์เตส กล่าว
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ นิสสัน เทอร์ร่า ใหม่ สามารถเยี่ยมชมที่โชว์รูม นิสสัน ที่มีอยู่กว่า 200 แห่งใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ หรือติดต่อสอบถามที่ นิสสัน Call Center หมายเลข 02 401 9600 หรือที่เว็บไซต์ของนิสสัน (www.nissan.co.th)
เกี่ยวกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
นิสสัน ก่อตั้งในประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี พ.ศ 2476 โดยมีนโยบายหลักที่จะนำเสนอนวัตกรรมที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้กับลูกค้า (Innovation that Excites) ทำให้ลูกค้าได้รับความสุขกับรถของนิสสัน ขณะเดียวกันนิสสันยังต้องการปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้กับคนในสังคม โดยนิสสันได้ประกาศเป้าหมายในการมีส่วนร่วมลดค่ามลพิษให้เป็นศูนย์ และลดการสูญเสียบนท้องถนนให้เป็นศูนย์ นิสสันจึงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีการขับเคลื่อนที่อัจฉริยะ โดยมีแผนที่จะแนะนำระบบขับขี่อัตโนมัติ ในรถยนต์รุ่นหลักในภูมิภาคต่างๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนไปพร้อมๆ กับการสร้างความสุขให้กับผู้ขับขี่ สำหรับประเทศไทยนิสสันเริ่มดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2495 ปัจจุบันมีบริษัทในเครือ 5 แห่ง และฐานการผลิตรถยนต์รวม 2 แห่ง มีเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการมากกว่า 190 แห่ง โดยมีผลิตภัณฑ์รถยนต์ตอบสนองลูกค้าทุกเซกเมนต์รวม 10 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์อีโค คาร์ รถยนต์อเนกประสงค์ รถยนต์พรีเมี่ยมซีดาน รถกระบะ และรถตู้
เกี่ยวกับ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด
นิสสัน เป็นผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกที่จำหน่ายรถยนต์มากกว่า 60 รุ่นภายใต้แบรนด์นิสสัน อินฟินิตี้ และดัทสัน ในปีงบประมาณ 2560 บริษัทฯ มียอดขายรถยนต์มากกว่า 5.77 ล้านคันทั่วโลก สร้างรายได้มูลค่า 11.9 ล้านล้านเยน ในวันที่ 1 เมษายน 2560บริษัทฯ เริ่มดำเนินการแผนกลยุทธ์ระยะกลาง Nissan M.OV.E. to 2022 ซึ่งเป็นแผนธุรกิจ 6 ปีที่มีเป้าหมายในการเพิ่มรายได้ 30% เป็นมูลค่า 16.5 ล้านล้านเยน เมื่อสิ้นสุดปีงบประมาณ 2565 โดยมีกระแสเงินสดสะสมจำนวน 2.5 ล้านล้านเยน ภายใต้กลยุทธ์ดังกล่าว นิสสันมุ่งตอกย้ำความเป็นผู้นำในนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ผ่านรถยนต์นิสสัน ลีฟ ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์ สำนักงานใหญ่ของนิสสันที่ตั้งอยู่ที่เมืองโยโกฮามา ประเทศญี่ปุ่น แบ่งเขตปฏิบัติการออกเป็น 6 พื้นที่ ประกอบไปด้วย เอเชียและโอเชียเนีย แอฟริกา ตะวันออกกลางและอินเดีย จีน ยุโรป ละตินอเมริกา และอเมริกาเหนือ นิสสันเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ เรโนลต์ ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศส ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 และ ได้เข้าซื้อหุ้นเป็นจำนวน 34% จากมิตซูบิชิในปี พ.ศ. 2559 ปัจจุบันเรโนลต์ นิสสัน และมิตซูบิชิ มอเตอร์สเป็นพันธมิตรธุรกิจยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดและมียอดขายรวมกันมากกว่า 10.6 ล้านคันในปี 2560
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ การบริการ และความมุ่งมั่นในการนำเสนอยานยนต์เพื่อความยั่งยืน สามารถติดตามได้ที่ nissan-global.com, Facebook, Instagram, Twitter , LinkedIn และรับชมวีดีโอล่าสุดที่ YouTube