กรุงเทพฯ--17 ส.ค.--กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
"ป่าชายเลนกลางเมือง โกงกางดึกดำบรรพ์ 200 ปี"
รมว.ทส.เปิดโครงการป่าในเมือง "สวนป่าประชารัฐ เพื่อความสุขของคนไทย" บนเนื้อ 2,080 ไร่กลางเมืองระนอง ลบอดีตสุดเศร้าป่าเสื่อมโทรมสู่วิกฤตสิ่งแวดล้อมทั้งขยะ-น้ำเน่า
เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดโครงการป่าในเมือง "สวนป่าประชารัฐ เพื่อความสุขของคนไทย" ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าชายเลนริมถนนท่าเมือง บริเวณชุมชนด่านท่าเมือง ตำบลเขานิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดระนอง โดยมี พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีทส. เป็นประธานพิธี นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (อทช.) ผู้บริหารสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 8 และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน ตลอดจนภาคประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก
พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยาการป่าไม้ ต้องการให้คนอยู่ร่วมกับป่า มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ ฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่สีเขียวให้สมบูรณ์ โดยใช้พื้นป่าของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมป่าไม้ และกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จึงมอบนโยบายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินโครงการป่าในเมือง เลือกพื้นที่ตั้งอยู่ในเขตเมืองหรือพื้นที่ใกล้ชุมชนเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ได้ ไม่เพียงเฉพาะด้านป่าไม้ รวมถึงพัฒนาเป็นศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ สถานที่พักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกาย ซึ่งที่ผ่านมา ทส.จัดทำโครงการป่าในเมืองต่อเนื่อง ได้รับผลตอบรับที่ดีจากพี่น้องประชาชน
นายจตุพร กล่าวว่า สำหรับโครงการป่าชายเลนในเมืองจังหวัดระนอง เป็นพื้นที่ป่าชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรี ที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองหัวเขียวและป่าคลองเกาะสุย ปัจจุบันมีเนื้อที่ถึง 2,080 ไร่ อดีตเป็นป่าชายเลนเสื่อมโทรมเข้าสู่ขั้นวิกฤต เนื่องจากปี 2510-2530 มีการอนุญาตให้ทำเหมืองแร่ในพื้นที่ป่าชายเลนในจังหวัดระนอง เพราะแร่ดีบุกเป็นทรัพยากรที่มีค่า ราคาแพง เป็นรายได้สำคัญของประเทศ ขณะนั้น พื้นที่ป่าชายเลนจึงสูญไปมาก ทำให้หลังปี 2530 เป็นต้นมา พื้นที่ทำเหมืองทั้งหมดกลายเป็นพื้นที่เสื่อมโทรมและหมดสภาพป่าชายเลน ราษฎรจึงเข้าไปจับจองและครอบงำทำประโยชน์ รวมถึงสร้างบ้านเรือนอยู่อาศัยจนกลายเป็นชุมชน สู่วิกฤตในปี 2550 ชุมชนเมืองเริ่มขยายตัวส่งผลต่อการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลนโดยรอบ เพื่อทำประโยชน์และค่อยพัฒนาเป็นพื้นที่อยู่อาศัย บ้านเช่า ร้านค้าอย่างต่อเนื่อง จนประสบวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งขยะ สิ่งปฏิกูลและน้ำเน่า กระทั่งปี 2552 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเริ่มต้นโครงการอนุรักษ์และพัฒนาป่าชายเลน เพื่อยับยั้งการบุกรุกทำลายและฟื้นฟูระบบนิเวศป่าชายเลนปากแม่น้ำ จนพลิกฟื้นคืนป่ากลับมาได้
"ปัจจุบันสามารถหยุดการบุกรุกป่าชายเลนกลางเมืองลงได้อย่างสิ้นเชิงและขอคืนพื้นที่ป่านำมาพื้นฟูได้ถึง 2,000 กว่าไร่ ขณะเดียวกัน ยังเกิดเครือข่ายอนุรักษ์ป่าชายเลนกลางเมืองขึ้น ทำให้ขณะนี้มีป่าชายเลนบทบาทสำคัญต่อชุมชนมาก อาทิ รักษาสมดุลธรรมชาติบริเวณปากน้ำระนอง แหล่งทำมาหากินของชาวประมงพื้นบ้าน จึงเป็นเหตุผลได้คัดเลือกพื้นที่แห่งนี้ดำเนินโครงการป่าในเมือง อีกทั้ง เพื่อร่วมอนุรักษ์ป่าธรรมชาติเก่าแก่ที่ยังหลงเหลืออยู่ในพื้นที่เมืองและระบบนิเวศป่าชายเลนที่สมบูรณ์ บ่งบอกได้จากต้นโกงกางยักษ์ที่มีอายุกว่า 200 ปี" นายจตุพร กล่าว
นอกจากนี้ นายจตุพร กล่าวอีกว่า ทช.ได้วางแผนพัฒนาโครงการป่าชายเลนในเมืองระนองตามนโยบายโครงการป่าในเมือง ตั้งแต่ปี 2561 ถึง 2565 โดยแบ่งการพัฒนาพื้นที่ออกเป็นกิจกรรมหลายรูปแบบ ประกอบด้วย การขุดคูแพรกหรือรั้วและจัดทำกำแพงคอนกรีตเป็นแนวเขตป้องกันการบุกรุก ปลูก บำรุงและปรับสภาพป่าชายเลน จัดทำแห่งรวมพันธุ์ไม้เก่าแก่ จัดทำทางเดินธรรมชาติและหอชมป่าชายเลนในเมือง อาคารศูนย์เรียนรู้และห้องน้ำสาธารณะเพื่อการท่องเที่ยว ป้ายสื่อความหมาย ศาลาและอาคารนิทรรศการ พื้นที่ออกกำลังกายและพื้นที่นันทนาการ การปรับภูมิทัศน์ตามสภาพภูมินิเวศ ตลอดจนการจัดการขยะในป่าชายเลน