กรุงเทพฯ--17 ส.ค.--IR PLUS
GCAP ประกาศผลประกอบการงวดครึ่งปีแรกของปี 2561 มีกำไรสุทธิ 26.91 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 17.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.48% มีรายได้รวม 145.90 ลบ. เพิ่มขึ้น 77.73% โดยมียอดการปล่อยสินเชื่อใหม่รวม 524 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเพิ่มขึ้นยอดสินเชื่อเช่าซื้อและการเติบโตของยอดซื้อขายรถเกี่ยวนวดข้าว รวมถึงการเติบโตของยอดปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถแทรคเตอร์ของ นิว ฮอลแลนด์ "คุณสเปญ จริงเข้าใจ" เอ็มดี คาดว่าแนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลัง จะเติบโตได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา หนุนสินเชื่อทั้งปี 61 เติบโตตามเป้าหมายมากกว่า 60% หลังใช้กลยุทธ์กระจายประเภทของสินเชื่อหลากหลายมากขึ้น
นายสเปญ จริงเข้าใจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ GCAP เปิดเผยถึง ผลประกอบการของบริษัทฯในงวด 6 เดือนแรกของปี 2561 (1 ม.ค.-30 มิ.ย.) มียอดการปล่อยสินเชื่อใหม่รวม 524 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มียอดการปล่อยสินเชื่อใหม่ 334 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของยอดสินเชื่อเช่าซื้อ เนื่องจากการเติบโตของยอดซื้อขายรถเกี่ยวนวดข้าว รวมถึงมีการเติบโตของยอดปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถแทรคเตอร์ของ นิว ฮอลแลนด์ ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ คือ บริษัท ซีเอ็นเอช อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) จำกัด โดยสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อใหม่แบ่งเป็นสินเชื่อเช่าซื้อ 76% และสินเชื่อส่วนบุคคลและนิติบุคคล 24%
บริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 145.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.82 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 77.73% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมจำนวน 82.09 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิในงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ เท่ากับ 26.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.60 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 55.46% เมื่อปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 17.31 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้รวม ในขณะที่ค่าใช้จ่ายขายและบริหารเพิ่มขึ้น 18.94 ล้านบาท และต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 27.54 ล้านบาท
"ผลประกอบการที่ออกมาเป็นที่น่าพอใจทั้งรายได้และกำไร แต่บริษัทฯก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามยอดการปล่อยสินเชื่อ ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าเบี้ยประกันลูกค้า เป็นต้น รวมถึงการเพิ่มขึ้นของเงินเดือนเนื่องจากมีการเพิ่มจำนวนบุคลากรเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ ขณะที่ต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการออกและเสนอขายหุ้นกู้ เพื่อชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอน และเพื่อรองรับการปล่อยสินเชื่อของบริษัท" นายสเปญ กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือน สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2561 ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ที่มีสิทธิ์รับเงินปันผลระหว่างกาล (Record Date) วันที่ 24 สิงหาคม 2561 และกำหนดจ่ายปันผลวันที่ 7 กันยายน 2561 นี้
"ซึ่งกลยุทธ์ที่ผ่านมาบริษัทได้พยายามกระจายประเภทของสินเชื่อให้ไม่กระจุกตัวการรับรู้รายได้แต่ละไตรมาสจากเดิมที่รายได้จะกระจุกในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงเก็บเกี่ยวของเกษตรกร แต่ขณะนี้เรามีสินเชื่อสบายใจอันดามัน เป็นสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องจักรเรือและสินเชื่อในการซ่อมบำรุง สำหรับธุรกิจเรือท่องเที่ยว เข้ามาช่วยเสริมรายได้ในช่วงกลางปี รวมถึงสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี" นายสเปญ กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2561 คาดว่าจะเติบโตดีกว่าในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เนื่องจากภาคการเกษตรดีขึ้นปัญหาภัยแล้งไม่รุนแรงเหมือนที่ผ่านมา และบริษัทได้เดินหน้าขยายตลาดสินเชื่อเช่าซื้อ ผ่านการเพิ่มพันธมิตรทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งในภาคอุตสาหกรรมการเกษตร และภาคธุรกิจท่องเที่ยว ให้มีความหลากหลาย ครอบคลุมความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น โดยชูสินเชื่อสบายใจอันดามัน สินเชื่อเช่าซื้อสำหรับธุรกิจเรือท่องเที่ยว มาเสริมพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อในปีนี้ และในส่วนของสินเชื่อส่วนบุคคล ทางบริษัทฯ ได้เน้นไปที่สินเชื่อกลุ่มเจ้าของแผงในตลาด โดยได้ขยายสินเชื่อสบายใจตลาด ให้ครอบคลุมตลาดใหญ่ที่มีศักยภาพสูง ผ่าน 3 บริการสินเชื่อคือ สินเชื่อสบายใจคลองเตย, สินเชื่อสบายใจปัฐวิกรณ์ และสินเชื่อสบายใจตลาดไท