กรุงเทพฯ--17 ส.ค.--แคสเปอร์สกี้ แลป
เร็วๆ นี้ เกิดเหตุการณ์สะเทือนโลกโซเชียลอีกครั้ง เมื่อผู้ใช้ Instagram หลายรายถูกล็อกออกจากบัญชีของตัวเอง และเข้าใช้งานอีกไม่ได้ เนื่องจากถูกโจรไซเบอร์แฮกและเปลี่ยนข้อมูลทุกอย่าง ทั้งชื่อบัญชี รูปโปรไฟล์ อีเมล และเบอร์โทรศัพท์ ทำให้การกู้คืนบัญชีนั้นยากมาก
นางสาวนาเดซด้า เดมิโดวา นักวิจัยด้านความปลอดภัยไซเบอร์ของแคสเปอร์สกี้ แลป กล่าวแสดงความเห็นต่อเหตุการณ์นี้ว่า จนถึงตอนนี้ ยังไม่พบว่าโจรไซเบอร์ใช้วิธีการใดในการเข้าถึงโปรไฟล์ของผู้ใช้ Instagram แต่วิธีการที่โจรมักใช้โจมตีคือผ่านฟิชชิ่ง จากข้อมูลของแคสเปอร์สกี้ แลป ชี้ว่า ในปี 2018 นี้ ผลิตภัณฑ์ของแคสเปอร์สกี้ แลป สามารถป้องกันการพยายามโจมตีที่เกิดจากการเข้าเพจฟิชชิ่งใน Instagram ถึง 68,000 ครั้ง และพบข้อมูลที่น่าสนใจคือในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมก่อนเกิดเหตุแฮกครั้งนี้ นักวิจัยของแคสเปอร์สกี้ แลป ตรวจพบจำนวนการโจมตีฟิชชิ่งพุ่งกระฉูดขึ้นมาก จาก 150 ครั้ง เป็น เกือบ 600 ครั้งต่อวัน และผู้ใช้ Instagram นั่นเองคือช่องโหว่ที่แฮกเกอร์จ้องใช้ประโยชน์ ตัวอย่างเช่น การกรอกข้อมูลส่วนบุคคลในเว็บฟิชชิ่ง แอปที่ไม่ผ่านการตรวจรับรอง และการใช้งานเพจที่ทำลอกเลียนแบบ เป็นต้น
"จากความนิยมใช้งาน Instagram ที่มีผู้ใช้มากกว่าพันล้านรายนี่เองที่ทำให้ Instagram เป็นเป้าดึงดูดใจโจรไซเบอร์ เมื่อโจรไซเบอร์แฮกเข้าบัญชีผู้ใช้แล้วก็จะสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและการโต้ตอบสื่อสารต่างๆ ได้ โปรไฟล์ของผู้ใช้ยังจะถูกเปลี่ยนเป็นข้อมูลสแปมและฟิชชิ่งต่อไปด้วย" นางสาวนาเดซด้ากล่าว
แคสเปอร์สกี้ แลป ขอแนะนำผู้ใช้โซเชียลปฏิบัติดังนี้เพื่อป้องกันการถูกแฮกก่อนสายเกินแก้
- ไม่คลิก link ที่น่าสงสัย
- เช็ค address ของเพจที่กำลังจะกรอกข้อมูลส่วนบุคคล
- ใช้งานแอปโซเชียลที่ดาวน์โหลดจากแหล่งที่น่าเชื่อถือเท่านั้น เช่น Play Store
- ไม่แชร์ข้อมูลล็อกอินต่างๆ ให้แอปเธิร์ดปาร์ตี้