กรุงเทพฯ--20 ส.ค.--กลุ่มสารนิเทศการคลัง กระทรวงการคลัง
ตามที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ระบุมีข้อสังเกตจากรายงานการเงินแผ่นดินเรื่องผลขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าว ในกรณี สนช.ได้มีวาระประชุมรับทราบรายงานการเงินแผ่นดินสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 2558 และ 2557 เมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยมีการเปิดเผยเอกสารประกอบการพิจารณาไว้ด้วย ซึ่งรายงานการเงินแผ่นดินดังกล่าว ตรวจสอบรับรองโดย สตง.แล้ว และ ครม.มีมติรับทราบเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ตามที่ รมว.คลังเสนอ ซึ่งในรายงานแสดงไว้ชัดเจนว่าไม่มีผลขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าว ณ วันที่ 30 ก.ย. 2557 จำนวน 536,908.30 ล้านบาทรวมอยู่ด้วยแต่อย่างใด ทั้งนี้ตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง คดีแดงที่ อม. 211/2560 เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2560 หรือคดีโครงการรับจำนำข้าว ปรากฏว่าได้ระบุถึงผลขาดทุนจำนวน 536,908.30 ล้านบาท แต่ตามข้อมูลที่ ครม.เสนอ สนช. มีเพียงตัวเลขค่าใช้จ่ายสูงกว่ารายได้ 301,100.79 ล้านบาท โดยไม่มีเรื่องผลขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวปรากฏอยู่ในเอกสารแต่อย่างใดเลย จึงมีข้อสังเกตว่าผลขาดทุนจำนวน 536,908.30 ล้านบาทที่ถูกนำไปกล่าวอ้างในคดีนั้นไม่มีอยู่จริงใช่หรือไม่
นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง ขอชี้แจงกรณีที่มีการกล่าวอ้างดังนี้
1. หลักการจัดทำบัญชีและรายงานการเงินแผ่นดินในปัจจุบันเป็นหลักการที่ได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อรับทราบการปรับเปลี่ยนหลักการจัดทำรายงานการเงินของแผ่นดิน เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2552 ให้จัดทำตามเกณฑ์คงค้างแบบผสม (Modified Accrual Basis) โดยมีขั้นตอนโดยสรุป ดังนี้
1.1 กรมบัญชีกลางทำบัญชีชุดรัฐบาลโดยบันทึกข้อมูลการรับจ่ายเงินคงคลังของรัฐบาลเป็นหลักด้วยเกณฑ์เงินสด (Cash Basis) ซึ่งประกอบด้วย รายการเงินรายได้แผ่นดิน เงินงบประมาณรายจ่าย และเงินนอกงบประมาณที่ส่วนราชการฝากไว้กับกระทรวงการคลังและจะปรับปรุงบัญชีค้างรับค้างจ่ายตามเกณฑ์คงค้าง (Accrual Basis) เมื่อสิ้นปีงบประมาณ
1.2 กรมบัญชีกลางรวบรวมข้อมูลที่มีสาระสำคัญเฉพาะสินทรัพย์และหนี้สินของรัฐบาลจากส่วนราชการที่ทำหน้าที่บริหารจัดการแทนรัฐบาล ได้แก่ ข้อมูลที่ดินราชพัสดุจากกรมธนารักษ์ ข้อมูลเงินลงทุนจากสำนักงานรัฐวิสาหกิจ และข้อมูลหนี้สาธารณะจากสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ตามลำดับ มาปรับปรุงบัญชีชุดรัฐบาล
1.3 กรมบัญชีกลางนำข้อมูลบัญชีตามข้อ 1.1 และ 1.2 แสดงในรายงานการเงินแผ่นดินส่งให้ สตง.ตรวจสอบและรับรอง ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาต่อไป ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ.2548 เป็นต้นมา
2. โครงการรับจำนำข้าว เป็นโครงการที่ใช้เงินของ ธกส.ดำเนินการไปก่อนแล้วรัฐบาลจึงตั้งงบประมาณชดใช้คืนเป็นรายปีจนกว่าจะครบวงเงิน ดังนั้น ธกส. จึงเป็นผู้ทำบัญชีโครงการนี้เพื่อแสดงต่อรัฐบาลประกอบการขอตั้งงบประมาณ ธกส.จึงไม่ต้องส่งข้อมูลดังกล่าวให้กรมบัญชีกลาง เนื่องจากเป็นรายการที่ไม่ต้องนำมาทำบัญชีในชุดรัฐบาล อย่างไรก็ดี กรมบัญชีกลางจะรับรู้รายการนี้และลงบัญชีเฉพาะการจ่ายเงินงบประมาณใช้คืนให้ ธกส.โดยลงบัญชีเป็นรายจ่ายตามงบประมาณตามปกติในปีที่ ธกส. ได้รับการจัดสรรงบประมาณ
3. จากหลักการจัดทำบัญชีและรายงานการเงินแผ่นดินตามเกณฑ์คงค้างแบบผสม (Modified Accrual Basis) ดังกล่าว จึงไม่มีหรือไม่สามารถมีรายการผลขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าวตามคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง จำนวน 536,908.30 ล้านบาท ที่ดำเนินการโดย ธกส.เป็นรายการบัญชีค่าใช้จ่ายแยกต่างหากในรายงานการเงินแผ่นดินที่กรมบัญชีกลางจัดทำสำหรับปีสิ้นสุด 30 กันยายน 2558และ 2557 ได้ ซึ่งเป็นไปตามหลักการบัญชีที่ได้เสนอ ครม.รับทราบ