กรุงเทพฯ--21 ส.ค.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 20 สิงหาคม 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,182.50-1,189.79 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 18,700 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาทรงตัวจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,700บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFQ18 อยู่ที่ 18,700 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 60 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,640 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.15 น. ของวันที่ 20/08/61)
แนวโน้มวันที่ 21 สิงหาคม 2561
การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ โดยรองรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของจีนจะเดินทางไปสหรัฐอเมริกาเพื่อหาข้อตกลงด้านการค้าตามคำเชิญจากสหรัฐ ก่อนที่มาตรการเก็บภาษีของสหรัฐวงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อสินค้าจีนจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 ส.ค. แม้ตลาดยังเชื่อว่าจะไม่มีการทำข้อตกลงใดๆ แต่การหารือครั้งนี้อาจสร้างแนวทางเพื่อการเจรจาที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต เพื่อกรุยทางไปสู่การประชุมสุดยอดระหว่างปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐและปธน.สี จิ้นผิงของจีนในเดือนพ.ย. ส่งผลให้ดอลลาร์ชะลอการแข็งค่า ทำให้ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้น สอดคล้องกับสกุลเงินหยวนและรูปีที่ปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่อ่อนแอ ขณะที่สกุลเงินหยวนที่ตลาดออฟชอร์ของจีนทรงตัวรักษาระดับไว้ได้ หลังจากหยวนฟื้นตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดรอบ 19 เดือน ที่ 6.9585 หยวนที่ทำไว้ในวันพุธที่ผ่านมา ประกอบกับความวิตกที่ลดลงในระยะสั้นเกี่ยวกับการดิ่งลงของสกุลเงินลีรา แม้ว่าสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ส ได้ปรับลดอันดับเครดิตของตุรกีลง 1 ขั้น สู่ B+ จาก BB- ในวันศุกร์ แต่ความวิตกลดลงเนื่องจากตลาดการเงินตุรกีจะปิดทำการเนื่องในวันหยุดประจำชาติในวันที่ 21-24 ส.ค. ซึ่งชาวมุสลิมทั่วโลกเริ่มประกอบพิธีฮัจญ์ ที่นครเมกกะ ในซาอุดีอาระเบียแล้ว นอกจากนี้ ธนาคารกลางกาตาร์ประกาศว่าได้เซ็นสัญญาข้อตกลงสวอปเงินตรากับธนาคารกลางตุรกี เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องและเสถียรภาพของตลาดการเงินของตุรกี หลังจากที่กาตาร์ประกาศจะจัดหาเงินสนับสนุนตุรกี 15,000 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตามควรพิจารณาการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทประกอบการลงทุน เพราะช่วงต้นสัปดาห์นี้ค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง ขณะที่สภาพัฒน์ฯรายงานการเติบโตของเศรษฐกิจไทยใน Q2/61 ขยายตัวที่ระดับ 4.6% YoY ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 4.4% ส่งผลกดดันราคาทองคำในประเทศ แนะนำจับตาแรงขายทำกำไรที่สลับออกมาเพราะหากไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,193 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ประเมินว่าจะเกิดแรงขายกดดันราคาให้เข้าใกล้ 1,171-1,166 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากราคายืนเหนือแนวรับได้แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นจาการดีดตัว
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำยังไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านโซน 1,193-1,205 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ราคาทองคำอาจมีการเคลื่อนอ่อนตัวลงเพื่อสะสมแรงซื้ออีกครั้ง โดยความผันผวนของราคาและการแกว่งตัวของราคาอาจลดลงจากช่วงที่ผ่านมา โดยให้เน้นไปที่การลงทุนระยะสั้น ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,171-1,166 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเมื่อราคามีการปรับตัวสูงขึ้นทดสอบแนวต้าน นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้างเพื่อลดความเสี่ยง แต่หากราคายืนเหนือแนวต้านได้อย่างมั่นคง สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้แนะนำให้ถือต่อเพื่อทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไป
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,166 (18,200บาท) 1,154 (18,000บาท) 1,145 (17,850บาท)
แนวต้าน 1,193 (18,650บาท) 1,205 (18,850บาท) 1,217 (19,000บาท)
GOLD FUTURES (GFQ18)
แนวรับ 1,166 (18,340บาท) 1,154 (18,160บาท) 1,145 (18,010บาท)
แนวต้าน 1,193 (18,770บาท) 1,205 (18,960บาท) 1,217 (19,150บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999