กรุงเทพฯ--21 ส.ค.--
บมจ.ไทยวา (TWPC) ปลื้มโรดโชว์ฮ่องกง กระแสตอบรับดีเกินคาด หลังโชว์แผนและศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจในอนาคต ด้านบิ๊กบอสหนุ่ม "โฮ เรน ฮวา" มั่นใจแนวโน้มผลงานครึ่งปีหลังโตแกร่ง อานิสงส์ปริมาณการส่งออกแป้งมันสำปะหลังพุ่ง-ต้นทุนราคาหัวมันฯลดลง พร้อมรับรู้รายได้จากโรงงานใหม่ทั้งในประเทศกัมพูชา และเวียดนาม รวมทั้งโรงไฟฟ้าแห่งแรกที่จังหวัดอุดรธานี และจากบริษัท สำปะหลังพัฒนา หรือ TDC เข้ามาเพิ่มเติม
นายโฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) (TWPC) เปิดเผยว่า บริษัทฯได้เดินทางไปนำเสนอข้อมูลของบริษัท (โรดโชว์) ให้กับนักลงทุนทั่วไปและนักลงทุนสถาบันที่ฮ่องกง โดยร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีผู้ให้ความสนใจเข้ารับฟังข้อมูลเป็นจำนวนมาก เนื่องจากอยู่ในอุตสาหกรรมอาหารที่มีศักยภาพสามารถขยายตัวได้อีกมากในอนาคต ประกอบกับคาดว่ายอดขายของบริษัทในปีนี้จะเติบโตมากกว่าการเติบโตของอุตสาหกรรม เนื่องจากปริมาณความต้องการผลิตภัณฑ์เดิมและใหม่ๆ ยังเติบโตได้อย่างดีเยี่ยมผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายที่สำคัญทุกช่องทาง
"การเดินทางไปเพื่อนำเสนอข้อมูลของบริษัทในต่างประเทศ มีวัตถุประสงค์หลักคือ การพบปะนักลงทุนรายใหม่ๆ เพื่อขยายฐานนักลงทุนให้กว้างขึ้น ประกอบกับเพื่อให้นักลงทุนได้เข้าใจถึงธุรกิจ แผนการดำเนินงาน รวมถึงศักยภาพการเติบโตในอนาคต ซึ่งการเดินทางโรดโชว์ในครั้งนี้ ผลตอบรับค่อนข้างน่าพอใจ โดยมีนักลงทุนให้การตอบรับที่ดีมาก" นายโฮ เรน ฮวา กล่าว
สำหรับแนวโน้มธุรกิจในครึ่งหลังปี 2561 ของ TWPC คาดว่าจะสามารถเติบโตมากกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากเข้าสู่ช่วง High season ประจำปี ประกอบกับได้รับปัจจัยหนุนจากปริมาณความต้องการสินค้าแป้งมันสำปะหลังที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง รวมถึงต้นทุนราคาหัวมันสำปะหลังที่ลดลง นอกจากนี้ยังเริ่มมีการรับรู้รายได้จากโรงงานใหม่ ทั้งในประเทศกัมพูชา และเวียดนาม รวมทั้งโรงไฟฟ้าแห่งแรกที่จังหวัดอุดรธานี ด้วยขนาดกำลังการผลิตประมาณ 3 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ยังรับรู้รายได้จาก บริษัท สำปะหลังพัฒนา หรือ TDC เข้ามาเพิ่มเติมอีกด้วย
ส่วนแผนการดำเนินงานในช่วงที่เหลือในปีนี้ของบริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการขยายสัดส่วนรายได้จากทั้งผลิตภัณฑ์ HVA และอาหารให้สูงขึ้น ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายและกลยุทธ์ทางการตลาดที่ดี อาทิ Van sale ส่งออก และ Modern Trade ให้สูงขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งวางงบลงทุนไว้ประมาณ 2,000 ล้านบาท ในสำหรับ 2-3 ปีข้างหน้าเพื่อรองรับการขยายธุรกิจหรือต่อยอดจากธุรกิจเดิม พร้อมทั้งรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในอัตราที่สูง เพื่อให้ผู้ถือหุ้นมั่นใจว่าบริษัทจะสามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งได้ในระยะยาว