กรุงเทพฯ--21 ส.ค.--ฮิลล์ แอนด์ นอลตัน สแตรทีจีส์
แนะนำแหล่ง กิน-ดื่ม-ชิล-ช็อป รอบ เมืองเล็กร่ำรวยประวัติศาสตร์ที่ใครๆ ต้องหลงรัก ขณะที่เมืองใหญ่ๆ อย่างฟลอเรนซ์ ปิซ่า หรือเซียน่า เป็นสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยว แต่นักชิมตัวจริงต้องปักหมุดเมืองเล็กแต่มากเสน่ห์ อย่าง "ลุคคา" ที่การันตีว่าถ้าได้มาสักเยือนครั้งจะต้องติดใจ เมืองลุคคาถูกสร้างโดยชาวอีทรัสคัน ปัจจุบันมีกำแพงโบราณมากประวัติศาสตร์โอบล้อมและขึ้นชื่อเรื่องอาหาร แน่นอนว่าฤดูใบไม้ผลิเป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดแก่การมาเยือนลุคคา
ประวัติและไฮไลต์สำคัญ
ลุคคา ตั้งอยู่ในแคว้นทัสคานี ห่างจากเมืองฟลอเรนซ์เพียง 80 กิโลเมตร เดิมเป็นหมู่บ้านโรมันในช่วงปี 180 ก่อนคริสตศักราช และเป็นเมืองอิสระจนกระทั่งเกิดการปฏิวัติฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1789 ไฮไลต์สำคัญประจำเมืองคือกำแพงโบราณจากยุคเรเนสซองส์ที่ล้อมรอบ กำแพงดังกล่าวถูกสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 16 เพื่อเป็นแนวล้อมทางทหาร ก่อนจะเลิกใช้ไปในยุคจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 และเปิดให้เป็นสวนสาธารณะตั้งแต่นั้นมา ซึ่งเหมาะแวะมาเดินเล่นชิลๆ หลังมื้ออาหาร นอกจากนี้ ยังมีจัตุรัสเปียซซา เดล อันฟิเทอาโตร (Piazza dell'Anfiteatro) ที่เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่สำคัญของลุคคา พื้นที่สาธารณะรูปวงรีแปลกตาที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาแห่งนี้เคยเป็นอัฒจันทร์โรมันที่นักรบแกลดิเอเตอร์มาต่อสู้กันต่อหน้าผู้คนนับ 10,000 คนมาก่อน
1. จิบไวน์ชั้นดีที่วินนิ ลิคัวริ วันนิ (Vinni Liquori Vanni):
สำหรับนักดื่มที่หลงใหลรสสัมผัสของไวน์อิตาเลียนชั้นดี เมื่อมาถึงลุคคา ต้องไม่พลาดร้านวินนิ ลิคัวริ วันนิ (Vinni Liquori Vanni) แม้ภายนอกจะดูเป็นเพียงร้านเล็กๆ แสนธรรมดา แต่เบื้องหลังกลับเป็นที่ซ่อนคลังสมบัติล้ำค่าของคอไวน์ โถงชั้นใต้ดินในร้านเป็นห้องเก็บไวน์กว่า 55,000 ขวด ผนังเป็นกำแพงหินอายุกว่า 800 ปี ทำให้เก็บความเย็นได้ดีช่วยรักษาอุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดในการเก็บไวน์เก่าแก่อายุกว่าครึ่งศตวรรษ ผู้ที่สนใจไม่ควรพลาดคอร์สชิมไวน์ที่นี่ เพราะเจ้าของร้านอย่างเปาโล เปโตรนี่ จะเป็นผู้พาชิมไวน์ชั้นเลิศพร้อมจับคู่กับอาหารท้องถิ่นหลากเมนูด้วยตัวเอง
2. ลงมือทำอาหารทัสคันขนานแท้ที่อิล คัวเร่ (Il Cuore Cooking class)
อิล คัวเร่ (Il Cuore) แปลตรงตัวว่า "หัวใจ" ร้านอาหารและร้านขายวัตถุดิบระดับกูร์เม่ต์แห่งนี้ ยังเปิดคลาสสอนทำอาหารแบบทัสคันต้นตำรับให้หลายคนได้ลงมือทำ ภายในร้านเรียงรายไปด้วยชีสและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นหลากชนิด โดยมีเชฟจูเซ็ปเป้ กูรูด้านอาหาร เจ้าของร้านเป็นผู้คัดสรรด้วยตนเอง บรรยากาศอบอุ่นเหมือนบ้านยิ่งทำให้เหมาะแก่การเรียนทำอาหารแบบโฮมเมดขนานแท้
เชฟจูเซ็ปเป้เกิดมาในครอบครัวที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร ในวัยเด็กเขาทำงานในโรงงานสกัดน้ำมันมะกอกของคุณปู่ หลังจากเดินทางไปถ่ายทอดวิชาทำอาหารมาแล้วทั่วโลก เขาจึงกลับมายังบ้านเกิดเพื่อแบ่งปันความรักในการทำอาหารรสชาติดั้งเดิมจากวัตถุดิบธรรมชาติให้แก่ผู้สนใจ
ในคลาสของเชฟจูเซ็ปเป้จะใช้แต่วัตถุดิบท้องถิ่นตามฤดูกาล ในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ก็จะมีพระเอกอย่างหน่อไม้ฝรั่งสีขาวและอาร์ติโชคเป็นส่วนประกอบชูโรง ผู้เรียนจะได้ลิ้มลองอาหารแปลกใหม่ และเรียนรู้การจับคู่อาหารกับไวน์ หลังคลาส ทุกคนยังได้ร่วมทานอาหารฝีมือตนเองร่วมกันในบรรยากาศเป็นกันเอง
3. ทำความรู้จักต้นกำเนิดของน้ำมันมะกอก
อาหารแบบฉบับเมืองลุคคา จะเสิร์ฟพร้อมสองสิ่งที่เมนูทัสคันแท้ขาดไม่ได้ คือ ขนมปังรสต้นตำรับ และน้ำมันมะกอก เพราะแคว้นทัสคานีเป็นแหล่งผลิตน้ำมันมะกอกที่สำคัญตั้งแต่ช่วงต้นปี 1400 จึงไม่น่าแปลกใจที่แบรนด์น้ำมันมะกอกอันดับ 1 ของโลกจะมีจุดเริ่มต้นในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ "น้ำมันมะกอกเบอร์ทอลลี่" ที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลก มีต้นกำเนิดในปี ค.ศ. 1865 จากร้านขายของชำเล็กๆ โดยฟรานเชสโก เบอร์ทอลลี่และแคทเทอริน่า ภรรยาของเขา ในเมืองลุคคานี่เอง
เกี่ยวกับเบอร์ทอลลี่(R)
เบอร์ทอลลี่(R) ก่อตั้งโดยมร. ฟรานเชสโก เบอร์ทอลลี่ ในปี 1865 ที่เมืองลุคคา แคว้นทัสคานี แบรนด์เบอร์ทอลลี่(R) ถือเป็นหัวใจสำคัญในการประกอบอาหารอิตาเลียนและวัฒนธรรมการกินแบบอิตาเลียน ในฐานะแบรนด์น้ำมันมะกอกที่เป็นที่ชื่นชอบในระดับโลก (ภายใต้แบรนด์ดีโอเลโอ) มานานกว่า 150 ปี พันธกิจของเบอร์ทอลลี่(R) คือการรักษาคุณภาพ ความมุ่งมั่นในการดึงความพิเศษจากส่วนผสมต่างๆตามธรรมชาติออกมาให้กับการปรุงอาหาร และการรักษาวัฒนธรรมในการสรรค์สร้างอาหารให้มีรสชาติโดดเด่น สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่ https://www.facebook.com/BertolliTH/