กรุงเทพฯ--22 ส.ค.--
แม้ประเทศไทย ดินแดนอู่ข้าวอู่น้ำของโลกจะมีแหล่งปลูกข้าวกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาค แต่หนึ่งในแหล่งปลูกข้าวที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นแหล่งปลูกข้าวหอมมะลิชั้นยอด ต้องยกให้ทุ่งกุลาร้องไห้ ผืนดินที่ใครๆก็รู้ว่าแห้งแล้ง ทุรกันดารเหลือทน แต่ธรรมชาติกลับร่ายมนต์ให้สามารถปลูกข้าวหอมมะลิพันธุ์ร้อยเอ็ดพันธุ์ดีที่ว่ากันว่าอร่อยที่สุดในโลกออกมาได้
ล่าสุดที่งาน "นาล้ง" นิทรรศการข้าวไทย ที่ยกนาข้าวมาปลูกกันกลางกรุงเทพฯ จังหวัดร้อยเอ็ดโดยความร่วมมือจากล้ง 1919 ได้จัดงานแถลงข่าวสุดยิ่งใหญ่ เตรียมพร้อมจัดงาน "เทศกาลข้าวหอมมะลิโลกครั้งที่ 19" ที่จะจัดขึ้นที่ จ.ร้อยเอ็ด ในวันที่ 23 – 25 พฤศจิกายนนี้ แต่ถ้าใครยังสงสัยว่าทำไม "เทศกาลข้าวหอมมะลิโลก" ต้องจัดที่ร้อยเอ็ด ไปดูข้อมูลอันซีน ที่หลายคนรู้แล้วต้องร้องว้าว!
ทำไม "ทุ่งกุลา" ถึง "ร้องไห้"
หลายคนอาจเคยได้ฟังตำนานของทุ่งกุลาร้องไห้มาบ้างว่ามีที่มาจากพ่อค้าชาวกุลาที่แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นยอดทรหดแต่พอมาเจอความแห้งแล้งของทุ่งกุลาร้องไห้ซึ่งมีสภาพเป็นแอ่งกระทะกว้างใหญ่ไพศาล ครอบคลุมพื้นที่ 5 จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ได้แก่ ร้อยเอ็ด (มีอาณาเขตมากที่สุด ประมาณ 50 % ของพื้นที่) สุรินทร์ มหาสารคาม ศรีสะเกศ และยโสธร ยังจำต้องหลั่งน้ำตา
ใครจะคิดว่า ลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่เคยเป็นทะเลมาก่อนทำให้ไม่เอื้ออำนวยต่อการปลูกพืช แถมยังถูกซ้ำเติมด้วยสภาพอากาศอันหฤโหดทั้งแห้งแล้ง สลับน้ำท่วมและหนาวเย็น นอกจากจะไม่ทำลายพันธุ์ข้าวขาวดอกมะลิ 105 และ พันธุ์ กข 15 ที่ชาวนาเลือกใช้เป็นพันธุ์หลักในการปลูกข้าวที่นี่ ยังมอบผลผลิตข้าวหอมมะลิชั้นยอดที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นตั้งแต่เมล็ดข้าวที่มีรูปร่างเรียว จนไม่มีหางข้าว และเปลือกมีสีฟาง เมื่อหุงออกมาแล้วมีกลิ่นหอมชวนรับประทานจนเลื่องชื่อว่ากลิ่นหอมนี้มีที่มาจากด้วยความทุรกันดารของพื้นที่เพาะปลูก ส่งผลให้ข้าวเกิดความเครียด จึงหลั่งสารหอม 2-acetyl-1-pyroline ออกมามากกว่าข้าวแหล่งอื่นๆ จนกลายเป็นเสน่ห์ของข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้จ.ร้อยเอ็ดที่ประทับใจคนทั้งโลก และ เป็นความภาคภูมิใจของชาวร้อยเอ็ด
ข้าวหอมมะลิที่เป็นมากกว่าข้าว
ปัจจุบันข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้จ.ร้อยเอ็ด ไม่เพียงเป็นที่นิยมทั้งในและต่างประเทศ แต่ยังได้รับการส่งเสริมให้มีการพัฒนาการผลิตข้าวหอมคุณภาพจากต้นน้ำไปยังปลายน้ำ ตลอดจนต่อยอดสู่การแปรรูปข้าวสารและผลิตภัณฑ์ข้าวต่างๆให้มีมูลค่าเพิ่ม ไม่ว่าจะเป็น "เค้กไมโครเวฟจากแป้งข้าวเจ้า" ซึ่งเกิดจากการนำแป้งข้าวเจ้ามาเปลี่ยนคุณสมบัติให้สามารถทดแทนการใช้แป้งสาลีในการผลิตเค้กได้ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่วิถีชีวิตเร่งรีบ เพราะทำกินเองได้ง่ายๆ แค่อุ่นในไมโครเวฟ 2 นาที หรือใครที่เป็นสายรักสุขภาพ แนะนำข้าวมาบุญครองพลัส "นูทรากาบาไรซ์" ชูจุดเด่นด้วยการนำข้าวกล้องมาผ่านกระบวนการทำให้มีปริมาณสารกาบาเพิ่มขึ้น ทำหน้าที่เป็นสารสื่อประสาท และยังทำให้ข้าวกล้องหอมนุ่ม เก็บรักษาได้นานไม่มีกลิ่นหื่น นอกจากนี้ยังมีนมข้าวอะมิโนที่ใช้รักษาเด็กทารกที่มีอาการแพ้โปรตีนจากนมวัว และชาใบข้าวหอมมะลิ ที่ผลิตจากยอดอ่อนใบข้าวหอมมะลิ มีกลิ่นหอมไม่แพ้ชาจีนหรือชาฝรั่งยี่ห้อดัง
ไปไกลกว่าการเป็นอาหาร
ส่วนในหมวดของใช้ นำทีมโดยผลิตภัณฑ์แป้งเด็กจากข้าวเจ้า "ไรซ์แคร์" เพิ่มความอุ่นใจในการใช้งานอย่างปลอดภัย ด้วยการนำแป้งข้าวเจ้ามาเปลี่ยนคุณสมบัติทำให้ป้องกันความชื้น และ ดูดซับความมันได้ดี ใช้ทดแทนทัลคัม, แป้งพัฟจากแป้งข้าวเจ้า, เซรั่มจากน้ำมันรำข้าวหอมมะลิอินทรีย์ และ สบู่ครีมรำข้าวหอมมะลิจมูกข้าวไรซ์เบอร์รี่บดผงชงดื่ม เป็นต้น
ใครที่อ่านแล้วยังไม่จุใจ อยากไปสัมผัสกับคุณค่าของข้าวหอมมะลิร้อยเอ็ดที่โด่งดังไปทั่วโลก พร้อมดื่มด่ำกับนวัตกรรมข้าวไทยที่ไปไกลมากกว่าอาหารจานหลักของคนไทยไปเปิดประสบการณ์อันซีนที่ไม่เคยรู้เกี่ยวกับข้าวหอมของไทยกันได้ในงานเทศกาลข้าวหอมมะลิโลก ครั้งที่ 19 พบกับ การแสดงสินค้าและนวัตกรรมเกี่ยวกับข้าว อาทิ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลา ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวหอมนิล ข้าวพันธุ์ต่างๆ ที่ปลูกใน 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเฉียงเหนือ ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว ผลิตภัณฑ์เวชสำอางต่างๆ และที่สำคัญนอกจากจะได้ท่องเที่ยวภายในจังหวัดที่มีทัศนียภาพอันสวยงามแล้ว ยังมีการเสวนาวิชาการ การเจรจาการค้าและลงนามบันทึกข้อตกลง การประกวดแข่งขัน สาธิตและฝึกอบรมการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากข้าว การแสดงศิลปวัฒนธรรมและการแสดงของศิลปินคืนถิ่น
เทศกาลข้าวหอมมะลิโลก ครั้งที่ 19 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 – 25 พฤศจิกายน 2561 ณ ศูนย์ประชุมและนิทรรศการ โรงแรมเพชรรัชต์การ์เด้น อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด และทั่วบริเวณจังหวัดร้อยเอ็ด ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมทาง facebook.com/101WorldHommaliRice