กรุงเทพฯ--23 ส.ค.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน "เบบินคา" และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ตั้งแต่วันที่ 17 – 23 สิงหาคม 2561 ทำให้เกิดสถานการณ์ภัยใน 11 จังหวัด สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 8 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 3 จังหวัด ได้แก่ นครพนม บึงกาฬ และเพชรบุรี ซึ่ง ปภ. ได้ร่วมกับหน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงแจกจ่ายถุงยังชีพและเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแล้ว
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า อิทธิพลของพายุโซนร้อน "เบบินคา" และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ตั้งแต่วันที่ 17 – 23 สิงหาคม 2561 ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินถล่มในพื้นที่ 11 จังหวัด ได้แก่ น่าน เชียงราย ลำปาง พะเยา เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เพชรบูรณ์ หนองคาย นครพนม บึงกาฬ และเพชรบุรี รวม 60 อำเภอ 239 ตำบล 1,239 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 22,880 ครัวเรือน 72,931 คน ผู้เสียชีวิต 4 ราย สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 8 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 3 จังหวัด รวม 13 อำเภอ 65 ตำบล 553 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 10,848 ครัวเรือน 32,774 คน ได้แก่ นครพนม น้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอนาแก อำเภอศรีสงคราม อำเภอนาหว้า อำเภอนาทม และอำเภอบ้านแพง รวม 36 ตำบล 395 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7,750 ครัวเรือน 21,997 คน ปัจจุบันระดับน้ำโขงเพิ่มขึ้น บึงกาฬ น้ำในแม่น้ำโขงล้นตลิ่งในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองบึงกาฬ อำเภอบุ่งคล้า อำเภอโซ่พิสัย อำเภอปากคาด และอำเภอศรีวิไล รวม 23 ตำบล 126 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,604 ครัวเรือน 8,736 คน ปัจจุบันระดับน้ำแม่น้ำโขงลดลง และเพชรบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแก่งกระจาน อำเภอท่ายาง และอำเภอบ้านลาด รวม 6 ตำบล 32 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 494 ครัวเรือน 2,041 คน ปัจจุบันระดับน้ำในแม่น้ำเพชรบุรีเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงแจกจ่ายถุงยังชีพและเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแล้ว ท้ายนี้ หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป