กรุงเทพฯ--23 ส.ค.--เอ็ม ที มัลติมีเดีย
กองทรัสต์ SHREIT ประกาศขยายการลงทุนหลังได้รับอนุมัติไฟเขียวจากผู้ถือหน่วย ในการลงทุนในทรัพย์สินประเภทโรงแรมในภูมิภาคอาเซียนอีก 2 แห่ง ได้แก่ โครงการโรงแรม Sofitel Bali Nusa Dua Beach Resort เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย และโครงการโรงแรม Hilton Garden Inn Kuala Lumpur ประเทศมาเลเซีย ลุยเพิ่มทุนกองทรัสต์ไม่เกิน 415 ล้านหน่วยและกู้ยืมเงินประมาณ 62.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,081 ล้านบาท) เตรียมเสนอขายหน่วยเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหน่วยเดิมในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 50% และส่วนที่เหลือจะเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป พร้อมดันขนาดทรัพย์สินกองทุนแตะ 10,000 ล้านบาท พร้อมมั่นใจทรัพย์สินใหม่ที่กองทรัสต์เข้าลงทุนเพิ่มเติมมีศักยภาพเติบโตที่ดี จากอานิสงส์การขยายตัวนักท่องเที่ยวในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
นายเจมส์ เทิค เบง ลิม กรรมการบริหาร บริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์อิสระที่บริหารโดยมืออาชีพ และผู้จัดการกองทรัสต์ SHREIT เปิดเผยว่า ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบต่ออายุได้เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่า สตราทีจิก ฮอสพิทอลลิตี้ หรือ SHREIT มีแผนขยายการลงทุนในทรัพย์สินประเภทโรงแรมในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มเติมอีก 2 แห่ง ได้แก่
1. ลงทุนในสิทธิการเช่าโครงการโรงแรม Sofitel Bali Nusa Dua Beach Resort บนเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นโรงแรม 5 ดาว ที่มีจำนวนห้องพักรวม 398 ห้อง และบ้านพักวิลล่าจำนวน 17 หลัง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันและห้องประชุมจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับการประชุมสัมมนาระดับนานาชาติ (MICE)
2. ลงทุนกรรมสิทธิ์ในโครงการโรงแรม Hilton Garden Inn Kuala Lumpur เมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยมีห้องพักรวมจำนวน 532 ห้อง ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว มาตรฐานสากลแห่งเดียวในเขต Chow Kit ใกล้กับ Kuala Lumpur City Centre (KLCC) ซึ่งเป็นพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจและแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองกัวลาลัมเปอร์
กรรมการบริหาร สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส ผู้จัดการกองทรัสต์ SHREIT กล่าวว่า สำหรับ ทรัพย์สินทั้ง 2 แห่งที่กองทรัสต์ SHREIT เข้ามาลงทุนเพิ่มเติมนั้น มีศักยภาพการเติบโตที่ดี เนื่องจากเมืองบาหลี ประเทศอินโดนีเซียเป็นเมืองจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยรัฐบาลของอินโดนีเซียให้ฟรีวีซ่าแก่นักท่องเที่ยว 169 ประเทศทั่วโลก ส่งผลดีให้จำนวนตัวเลขนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองบาหลีขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 14.6% ต่อปี ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในปี 2017 มีจำนวนนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาเยือนเมืองบาหลีทั้งสิ้น 5.5 ล้านคน และปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มเป็น 6.5 ล้านคน นอกจากนี้ ตลาดการประชุมและนิทรรศการ (MICE) ของอินโดนีเซีย ก็มีอัตราการขยายตัวที่ดีมากเช่นกัน โดยล่าสุดจะมีการจัดการประชุมและนิทรรศการ International Monetary Fund and World Bank Group ที่จะมีตัวแทนจากทั่วโลก 15,000 คน เข้ามาร่วมในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งส่งผลดีต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมโรงแรมในเมืองบาหลี สำหรับเมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย จัดอยู่ใน อันดับ10 ของเมืองที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในโลก และมีอัตราการขยายตัวจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อเนื่อง โดยกัวลาลัมเปอร์เป็นเมืองที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวจีน อินเดีย และภูมิภาคตะวันออกกลาง ส่งผลให้อัตราการเติบโตเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวเฉลี่ยตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 4.8% ต่อปี ในขณะที่นักท่องเที่ยวภายในประเทศเอง ก็มาท่องเที่ยวเมืองดังกล่าวเพิ่มขึ้นถึง 12.3% ต่อปี เช่นกัน
นายปธาน สมบูรณสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสท์เตอร์ส จำกัด กล่าวว่า สำหรับวงเงินที่ SHREIT จะลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินทั้ง 2 แห่งนี้ คาดว่าจะมีมูลค่ารวมกันประมาณ 5.8 พันล้านบาท ซึ่งจะเป็นเงินที่มาจากการเพิ่มทุนกองทรัสต์จำนวนไม่เกิน 415 ล้านหน่วย และเป็นการกู้ยืมเงินอีกประมาณ 62.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2,081 ล้านบาท เพื่อรองรับแผนขยายทรัพย์สินในครั้งนี้ ภายหลังจากกองทรัสต์เข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมในครั้งนี้ จะส่งผลให้ขนาดมูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์เติบโตขึ้นจากเดิมประมาณ 5,000 ล้านบาทเพิ่มเป็น 10,000 ล้านบาท และทำให้กอง SHREIT มีขนาดใหญ่เป็นลำดับต้นๆ เทียบกับกอง REIT ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปัจจุบัน