กรุงเทพฯ--24 ส.ค.--Extravaganza PR
ด้วยภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยกำลังฟื้นตัวและขยายตัวเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน ส่งผลให้ความต้องการทรัพยากรคนที่มีศักยภาพและมีทักษะฝีมือ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามลำดับ จากผลดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ประจำเดือน พ.ค. 2561 ของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) พบว่ามีอัตราขยายตัวอย่างต่อเนื่อง 3.8% ทำให้ความต้องการกำลังคนสายอาชีพในประเทศเพิ่มจำนวนมากขึ้น มูลนิธิเอสซีจีซึ่งมุ่งเน้นเรื่องการสร้างคนด้วยการศึกษา โดยเฉพาะสายอาชีวะเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของประเทศ ได้มอบทุนการศึกษา "อาชีวะฝีมือชน คนสร้างชาติ" มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งในปีนี้มีนักเรียนทุนฯ ทั้งสิ้น 400 คน ทั้งในสายช่างอุตสาหกรรม สายบริการและสายเกษตรกรรมจากทั่วประเทศ
สุวิมล จิวาลักษณ์ กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเอสซีจี กล่าวว่า โครงการ "อาชีวะฝีมือชน คนสร้างชาติ" มุ่งส่งเสริมและสนับสนุนให้เด็กไทยได้มีโอกาสศึกษาต่อในสายอาชีพ พร้อมพัฒนาสู่การเป็น 'อาชีวะฝีมือชน' ที่ทั้งเก่งและดี โดยในประเทศไทยเองก็มีสถาบันอาชีวศึกษาชั้นนำหลายแห่ง ซึ่งสามารถผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพสำหรับช่วยพัฒนาประเทศมากมาย มูลนิธิเอสซีจีได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการมอบโอกาสดีๆ ให้แก่น้องๆ ที่สนใจการเรียนอาชีวะ โดยมอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียน ชั้น ม.3 ที่สามารถสอบเข้าศึกษาต่อหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ในสาขาช่างอุตสาหกรรม สาขาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว สาขาคหกรรมศาสตร์ สาขาวิชาอาหารและโภชนาการ และสาขาเกษตรกรรม ซึ่งทุนนี้ไม่มีภาระผูกพันต้องใช้คืน และเป็นทุนต่อเนื่องจนสำเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.)
"สำหรับกิจกรรมปฐมนิเทศนี้ มูลนิธิฯ จัดขึ้นเพื่อต้อนรับน้องๆ สู่ครอบครัวมูลนิธิเอสซีจีอย่างเป็นทางการ และยังเป็นการเปิดโอกาสให้น้อง ๆ ได้ทำความรู้จักกับเพื่อนจากต่างสถาบัน รวมถึงยังมีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดและมุมมองที่เป็นประโยชน์จากรุ่นพี่อาชีวะฝีมือชน คนต้นแบบ ที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์ไม่ว่าจะเป็นการเรียน และการใช้ชีวิตในสถานศึกษา รวมถึงข้อคิดดีๆ ที่ทำให้ประสบความสำเร็จในชีวิต ซึ่งนับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเข้าร่วมโครงการฯ และการเรียนของน้องๆ ต่อไป" สุวิมล กล่าว
ตัวแทนน้องนักเรียนทุนฯ รุ่นใหม่อย่าง น้องดล นายธนดล สุวรรณโคตร นักเรียนระดับชั้น ปวช.1 สาขาก่อสร้างโยธา วิทยาลัยเทคนิคเดชอุดม จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า "ผมสนใจการเรียนสายอาชีพมานานแล้ว ประกอบกับความต้องการของครอบครัวด้วยที่อยากให้ผมเรียนสายอาชีพ เพราะการเรียนในสายนี้จะทำให้ผมได้รับความรู้ทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติภายในห้องเรียน อีกทั้งสามารถเรียนไปด้วยและประกอบอาชีพเพื่อหาเงินมาช่วยเลี้ยงดูครอบครัวของผมไปด้วย"
"หลังจากที่ได้ทราบว่าผมได้รับทุนการศึกษาจากมูลนิธิเอสซีจี ผมรู้สึกดีใจมากแทบจะเป็นลม เพราะนี่ถือเป็นการแบ่งเบาค่าใช้จ่ายสำหรับครอบครัวผม อีกทั้งยังช่วยสานฝันให้ผมได้เรียนต่อในสิ่งที่ผมใฝ่ฝันอีกด้วย ซึ่งถ้าไม่ได้ทุนนี้ผมอาจจะต้องหยุดเรียนหนังสือเพื่อช่วยงานในครอบครัว แต่ตอนนี้ผมสามารถเรียนไปด้วยและทำงานควบคู่กันได้ เพื่อศึกษาหาความรู้ พร้อมเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เพื่อทำเป้าหมายในอนาคตของผมให้สำเร็จ" น้องดล กล่าว
ไม่ต่างจากน้องกิ๊ฟ นางสาวนภารัตน์ สารศิริ นักเรียนระดับชั้น ปวช.1 สาขาการโรงแรม วิทยาลัยเทคโนโลยีพังโคนพณิชยการ จ.สกลนคร บอกเล่าถึงความรู้สึกที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมว่า ตนเองมีความคิดว่าการเรียนสายอาชีพนั้นจะทำให้มีสายงานที่มั่นคง เนื่องจากสายอาชีพจะเน้นการเรียนภาคปฏิบัติกัน ซึ่งส่วนตัวตนเองอยากเรียนด้านการโรงแรม และตั้งใจที่จะทำงานด้านโรงแรม นอกจากนี้การได้เริ่มเรียนตั้งแต่ระดับชั้น ปวช. จะทำให้เกิดทักษะความรู้ ความชำนาญอย่างรวดเร็ว สามารถหาเลี้ยงชีพและประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น
"รู้สึกดีใจมากที่ได้รับทุนการศึกษาจากมูลนิธิเอสซีจี การที่หนูได้มาเข้าร่วมกิจกรรมปฐมนิเทศรับน้องใหม่ในครั้งนี้ ทำให้หนูได้รับความรู้ในหลายด้าน และยังได้เพื่อนใหม่จากสถาบันอื่น ซึ่งการที่ได้รับทุนในครั้งนี้ ทำให้หนูได้รับโอกาสทางการศึกษา ให้หนูได้เรียนการโรงแรมอย่างที่ฝันไว้ อีกทั้งได้มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากรุ่นพี่ ทำให้เรามีกำลังใจในการเรียนมากขึ้น" น้องกิ๊ฟ กล่าว
ปิดท้ายที่ประธานรุ่นคนล่าสุด อย่างน้องบอล นายชนาธิป มั่นคง นักเรียนระดับชั้น ปวช.1 สาขาอาหารและโภชนาการ วิทยาลัยเทคนิคอ่างทอง จ.อ่างทอง กล่าวถึงการเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ว่า ตนเองได้เลือกเรียนต่อในสายอาชีวะ เพราะเชื่อว่าการเรียนสายนี้จะทำให้ได้ฝึกฝนจากประสบการณ์ตรง ได้ลงมือปฏิบัติจริงๆ และสามารถต่อยอดในการประกอบอาชีพได้เลยทันทีหลังจากเรียนจบ ซึ่งตนเองมีความชอบและรักในการทำอาหารอยู่ก่อนแล้ว จึงสนใจที่จะเรียนในสาขานี้ เพื่อนำความรู้ที่ได้นำไปประกอบอาชีพ และประกอบธุรกิจของตนเองได้ในอนาคต
"ผมรู้สึกดีใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวมูลนิธิเอสซีจี แถมยังได้รับความไว้วางใจจากเพื่อน ๆ ให้เป็นประธานรุ่นอีกด้วย และผมยังได้รับมุมมองใหม่ๆ ในการใช้ชีวิตภายในรั้วอาชีวะจากรุ่นพี่ที่มาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ทำให้ผมมีแรงผลักดันรวมถึงแรงบันดาลใจในการมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเอง เพื่อที่จะทำความฝันของผมให้เป็นจริง พร้อมกับนำแรงบันดาลใจที่ได้รับ รวมถึงความรู้จากการเรียนไปช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชนได้อีกด้วยครับ" น้องบอล กล่าว
เพราะประเทศไทยยังต้องการ 'อาชีวะฝีมือชน' ที่จะร่วมขับเคลื่อนประเทศในยุคไทยแลนด์ 4.0 และรอน้องๆ อาชีวะเหล่านี้ เติบโตเป็นคนเก่งและดี เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ และเป็นฟันเฟืองที่สำคัญในการขับเคลื่อนประเทศต่อไปในอนาคต