กรุงเทพฯ--24 ส.ค.--Accor Hotels
ปริมาณธุรกิจมูลค่า 8.9 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 10.3% ในอัตราแลกเปลี่ยนคงตัว
รายได้มูลค่า 1,459 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 8.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
EBITDA มูลค่า 291 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 4.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
กำไรสุทธิ 2,179 ล้านยูโร หลังจากการขายหุ้นของ AccorInvest
สำหรับการเปิดโรงแรม 301 แห่ง และห้องพัก 45,150 ห้อง
ขายหุ้น AccorInvest เพิ่มเติม 7% ในราคา 250 ล้านยูโร
ตั้งเป้า EBITDA ตลอดปี 2018
ระหว่าง 690 ล้านยูโร ถึง 720 ล้านยูโร
เซบาสเตียน บาแซ็ง ประธานกรรมการและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร AccorHotels กล่าวว่า
ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2018 AccorHotels ยังคงเดินหน้าปฏิรูปโมเดลธุรกิจของทางบริษัทเต็มกำลัง โดยทำการขายสัดส่วนการถือครองหุ้นส่วนใหญ่ของ AccorInvest
ผนวกรวมธุรกิจกับ Mantra ในออสเตรเลีย และ Mantis ในแอฟริกาใต้ รวมถึงเข้าซื้อกิจการของ Gekko ในฝรั่งเศส สำหรับช่วงครึ่งหลังของปี 2018 Moevenpick ในตะวันออกกลาง Atton ในอเมริกาใต้ และ sbe ในสหรัฐอเมริกาจะเข้ามาร่วมเครือข่ายของเรา ซึ่งจะทำให้เราสามารถครอบครองส่วนแบ่งทางการตลาดและเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าของเราได้มากยิ่งขึ้น ผลจากการดำเนินงานอันแข็งแกร่งทำให้ผลลัพธ์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2018 มีความมั่นคง และเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยการเปิดบริการห้องพักถึง 20,000 ห้องในช่วงเวลาดังกล่าว ปัจจุบัน AccorHotels ดำเนินงานโรงแรมกว่า 4,500 แห่ง รวมจำนวนห้องพักทั้งสิ้นกว่า 650,000 ห้องทั่วโลก ซึ่งโรงแรมส่วนใหญ่ตั้งอยู่นอกทวีปยุโรป ผนวกกับยังมีโครงการที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาอีกจำนวนมาก ตอกย้ำทิศทางในการดำเนินงานที่ถูกต้องเพื่อมุ่งสู่หนทางแห่งความสำเร็จในการบรรลุเป้าหมายระยะกลางที่ตั้งไว้ของทางบริษัท
จากการดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคงสำหรับครึ่งปีแรกของ AccorHotels ในกลุ่มตลาดหลัก มีการเปิดห้องพักใหม่ 45,150 ห้อง (301 โรงแรม) ในช่วงเวลาดังกล่าว โดยเป็นห้องพักในโรงแรมใหม่ 19,757 ห้อง และห้องพักที่มาจากการควบรวมธุรกิจกับโรงแรมในเครือ Mantra และ Mantis 25,393 ห้อง ทำให้ทางบริษัทมีจำนวนห้องพักรวมทั้งสิ้น 652,939 ห้อง (4,530 โรงแรม) ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2561 และยังมีโครงการที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาอีก 167,000 ห้อง (959 โรงแรม) ทั้งนี้ 79% อยู่ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets)
รายได้เติบโตแข็งแกร่ง
ยอดรายได้รวมในช่วงครึ่งแรกของปี 2018 มีมูลค่า 1,459 ล้านยูโร สูงขึ้น 8.0% จากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา และ สูงขึ้น 3.0% ตามรายงาน เทียบกับครึ่งแรกของปี 2017
ระดับความแข็งแกร่งของธุรกิจขับเคลื่อนรายได้ให้เติบโตทั้งในเอเชียแปซิฟิก (+10.0%) อเมริกาเหนือ อเมริกากลาง และแคริบเบียน (+15.9%) อเมริกาใต้ (+9.0%) และยุโรป (+4.2%) ในขณะที่ภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกามีรายได้ต่ำลงเล็กน้อย (-0.2%) โดยมีสาเหตุหลักมาจากประเทศในกลุ่มอ่าวอาหรับ
รายได้เฉลี่ยต่อจำนวนห้องพัก (RevPAR) ของบริการ HotelServices เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 5.1% สะท้อนรายรับจากทุกส่วนธุรกิจระดับกลาง (+5.4%) ระดับประหยัด (+5.2%) และระดับหรูหรา/ระดับบน (+4.6%)
ธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเติบโตอย่างดีเยี่ยม โดยมีรายได้เฉลี่ยต่อจำนวนห้องพัก (RevPAR) เติบโตขึ้น 5.0% และรายได้จากธุรกิจการบริหารและแฟรนไชส์ (M&F – Management & Franchise) เพิ่มขึ้น 10.0%
พัฒนาการอันแข็งแกร่งในช่วงครึ่งแรกของปี 2018 สร้างสถิติใหม่ให้ AccorHotels ด้วยการเปิดโรงแรมใหม่ 135 แห่ง ซึ่งรวมมีจำนวนห้องพักทั้งสิ้น 19,757 ห้อง หนทางในอนาคตยังคงสดใสต่อเนื่องจากจำนวนโครงการซึ่ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาอีก 959 แห่ง รวมจำนวนห้องพักทั้งสิ้น 167,000 ห้อง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2561 ซึ่งสูงขึ้นอย่างมากจากช่วงสิ้นสุดไตรมาสแรกของปี (157,00 ห้อง)
มูลค่าประเมิน EBITDA เพิ่มสูงขึ้น
การประเมินมูลค่า EBITDA ในช่วงครึ่งแรกของปี 2018 มีมูลค่ารวม 291 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 4.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 3.2% ตามรายงาน เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี 2017 ผลกระทบจากสกุลเงินส่งผลในทางลบเป็นมูลค่ารวม 19 ล้านยูโร
ส่วนต่างของมูลค่า EBITDA (EBITDA Margin) อยู่ที่ 20.0% ซึ่งมีการปรับตัวลงเล็กน้อยเพียง 1.3 จุด
Air France-KLM
จากส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการขยายขอบเขตการบริการด้านการท่องเที่ยวให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2561 ที่ผ่านมา AccorHotels เผยว่ากำลังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาสร้างความร่วมมือทางกลยุทธ์กับสายการบิน Air France-KLM ซึ่งผลสะท้อนจากการดำเนินการดังกล่าวรวมถึงการร่วมกับนักลงทุนจากฝรั่งเศสและทวีปยุโรปเพื่อเข้าซื้อหุ้นรายย่อยของ Air France-KLM
ทางบริษัทยังคงเชื่อว่าสัมพันธภาพอันแน่นแฟ้นของพันธมิตรซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจโรงแรมและสายการบิน ถือเป็นการสร้างศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม การเข้าซื้อหุ้นรายย่อยของ Air France-KLM ดังกล่าวนี้ยังไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่ต้องการอย่างสมบูรณ์ AccorHotels จึงตัดสินใจยุติการดำเนินการดังกล่าว