กรุงเทพฯ--14 ก.ย.--ปภ.
นายสุนทร ริ้วเหลือง อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า (เวลา 10.00 น.วันที่ 14 ก.ย.2548) พายุดีเปรสชั่นมีศูนย์กลางอยู่บริเวณจังหวัดนครราชสีมา มีความเร็วลมสูงสุดประมาณ 50 กม.ต่อ ชม. และกำลังเคลื่อนตัวมาทางทิศตะวันตก ซึ่งคาดว่าจะเคลื่อนตัวเข้าสู่จังหวัดสระบุรี ลพบุรีในวันนี้ ส่งผลให้เกิดฝนตกเป็นบริเวณกว้าง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากต่อไปอีก 1 — 2 วัน โดยเฉพาะภาคตะวันออก ภาคกลาง ภาคใต้ตอนบน รวมทั้งกรุงเทพมหานคร ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ได้ในพื้นที่เสี่ยงภัย เช่น ที่ราบลุ่ม ที่ใกล้เชิงเขา ที่ใกล้ทางน้ำไหล ของจังหวัดนครราชสีมา นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด สระบุรี ลพบุรี นครสวรรค์ อุทัยธานี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร จึงขอเตือนให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยของจังหวัด เตรียมการป้องกันอันตรายจากภัยธรรมชาติดังกล่าว และอพยพสิ่งของ ทรัพย์สิน สัตว์เลี้ยง ไว้ในที่สูง ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทย ยังคงมีกำลังแรงขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างชายฝั่งบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง จะมีคลื่นสูง 2 — 3 เมตร จึงขอเตือนให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังในระยะ 2 — 3 วันนี้ และติดตามข่าวพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด ส่วนเรือขนาดเล็ก ควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้
นายสุนทร กล่าวต่อไปถึงสถานการณ์น้ำท่วม ว่า ขณะนี้ได้เกิดน้ำท่วม ใน 5 จังหวัด ดังนี้ จังหวัดตราด ได้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมถนนและบ้านเรือนประชาชนที่บ้านท่าโสม หมู่ 1 และบ้านสลักหมู่ 3 ตำบลท่าโสม อ.เขาสมิง 3 ช่วงบริเวณสะพานท่าโสม สะพานสลักและก่อนถึงทางแยกเข้าบ้านอ่างกระป่อง โดยระดับน้ำสูงประมาณ 30 — 50 ซม. ส่วนที่จังหวัดสุโขทัย มีพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมใน 5 อำเภอ 15 ตำบล 45 หมู่บ้าน ได้แก่ อ.เมืองสุโขทัย อ.ศรีสำโรง อ.สวรรคโลก อ.ศรีสัชนาลัย อ.ทุ่งเสลี่ยม โดยทั้ง 5 อำเภอมีน้ำท่วมขังในพื้นที่การเกษตร มีเพียงเฉพาะ อ.ศรีสำโรง ที่ ต.วังทอง เท่านั้นที่มีน้ำท่วมขังในบริเวณชุมชน ขณะที่จังหวัดพิษณุโลก มีน้ำท่วมพื้นที่ 2 อำเภอ 3 ตำบล ได้แก่ อ.นครไทย และ อ.บางระกำ ด้านจังหวัดลำปาง มีพื้นที่ประสบภัยรวม 7 อำเภอ 27 ตำบล ได้แก่ อ.แม่ทะ อ.แม่เมาะ อ.เมือง อ.เกาะคา อ.ห้างฉัตร อ.แจ้ห่ม และ อ.สมปราบ นอกจากนี้ ยังพบว่า ได้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ จังหวัดบุรีรัมย์ ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการสำรวจความเสียหาย ทั้งนี้ กรมป้องกันฯ ได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประสานกับจังหวัด ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากรุนแรงจะได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ เครื่องมือ เครื่องจักร ไปสนับสนุนการปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัย และแก้ไขปัญหาพื้นที่ในทันที หากพื้นที่ใดต้องการความช่วยเหลือ สามารถติดต่อได้ทางสายด่วน 1784 กรม ปภ. ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อกรมป้องกันฯ จักได้ประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหน่วยทหาร มูลนิธิ อาสาสมัคร เข้าช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป--จบ--