กรุงเทพฯ--27 ส.ค.--เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์
เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ชี้จับตาคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ทำเลใจกลางเมืองกำลังบูม จ่อปิดการขายคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์แบรนด์ MAESTRO (มาเอสโตร) 2 โครงการ มาเอสโตร 39 สุขุมวิท 39 ยอดขายพุ่งถึง 95% และมาเอสโตร 02 ร่วมฤดี ยอดขายถึง 93% รวมมูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท ระบุลูกค้าชื่นชอบโครงการเพราะจุดแข็งของแบรนด์ที่แตกต่าง ดีไซน์โดดเด่น แบรนด์แรกของไทยที่นำแนวคิด Classic inspired with modern twist ผสมผสานระหว่างความคลาสสิกและความโมเดิร์นได้อย่างลงตัว ทำเลใจกลางเมือง และจุดเด่นคอนโดฯ Pet Friendly เลี้ยงสัตว์ได้ทุกยูนิต เผยทำเลสุขุมวิท 39 ราคาที่ดินพุ่งสูงถึง 40% ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จาก 183,000 บาท/ตร.ม. เป็น 255,000 บาท/ตร.ม. ขณะที่ร่วมฤดี ติดอันดับ 1 ใน 5 ราคาที่ดินสูงสุดในกรุงเทพฯ ระบุคอนโดฯ โลว์ไรส์ดีมานด์พุ่ง ลูกค้าส่วนใหญ่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยมากกว่าลงทุน คาดอนาคตดีมานด์เติบโตต่อเนื่อง
คุณเพชรลดา พูลวรลักษณ์ กรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมปิดการขายคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ 8 ชั้น แบรนด์ MAESTRO (มาเอสโตร) ทำเลใจกลางเมือง จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ มาเอสโตร 39 สุขุมวิท 39 มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท มียอดขายไปแล้ว 95% หรือเหลือเพียง 5 ยูนิต จากทั้งหมด 107 ยูนิต และมาเอสโตร 02 ร่วมฤดี มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท มียอดขายไปแล้ว 93% หรือเหลือเพียง 10 ยูนิต จากทั้งหมด 138 ยูนิต
"มาเอสโตรเป็นแบรนด์คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ลูกค้าชื่นชอบโครงการเพราะ จุดแข็งของแบรนด์ที่แตกต่างจากคู่แข่ง ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น เป็นแบรนด์แรกของไทยที่นำแนวคิด Classic inspired with modern twist ผสมผสานระหว่างความคลาสสิกและความโมเดิร์นได้อย่างลงตัว ทำเลใจกลางเมือง และคอนโดฯ Pet Friendly ที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ทุกยูนิต โดยมาเอสโตร 39 สุขุมวิท 39 มีลูกค้าชาวต่างชาติให้ความสนใจมาก โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น เนื่องจากทำเลสุขุมวิท 39 เป็นแหล่งไลฟ์สไตล์ที่ชาวญี่ปุ่นอาศัยกันอยู่มาก และเหมาะกับการลงทุน ให้ผลตอบแทนดี ซึ่งทำเลสุขุมวิท 39 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีการปรับตัวสูงขึ้นมากที่สุดจาก 183,000 บาท/ตร.ม. เป็น 255,000 บาท/ตร.ม. หรือปรับเพิ่มสูงถึง 40% ขณะที่ มาเอสโตร 02 ร่วมฤดี ตั้งอยู่ร่วมฤดีซอย 2 ซึ่งเป็นทำเลอันดับ 1 ใน 5 ที่มีราคาสูงที่สุดเมื่อเทียบกับทำเลอื่นในกรุงเทพฯ นับเป็นพื้นที่ไข่แดงที่คนส่วนน้อยมีโอกาสจะได้ครอบครอง ทำให้โครงการขายดีมาก ส่วนใหญ่ลูกค้าซื้อเพื่ออยู่อาศัยมากกว่าลงทุน คิดเป็นสัดส่วน 70% และ 30% ตามลำดับ ทั้งนี้ทั้ง 2 โครงการคาดว่าจะปิดการขายภายในงานอีเวนต์ใหญ่ประจำปีที่บริษัทกำลังจะจัดขึ้นในปลายเดือนกันยายนนี้แน่นอน ซึ่งเป็นงานที่รวบรวมคอนโดฯ ที่ดีที่สุด มอบส่วนลดราคาพิเศษ และเป็นงานที่ไม่ควรพลาด
"สำหรับดีมานด์ของคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์นั้น สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมือง ที่สามารถเดินทางสะดวก และมีความสงบ เป็นส่วนตัว เนื่องจากไม่ได้ติดถนนใหญ่ อยู่ในซอย หลีกหนีจากความวุ่นวายในเมือง ตอบโจทย์การใช้ชีวิตคนเมือง รวมถึงปล่อยเช่าได้ง่าย เพราะจำนวนห้องน้อยกว่าคอนโดมิเนียมไฮไรส์ เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยและการลงทุนเพื่อปล่อยเช่า จึงคาดว่าอนาคตคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์จะมีแนวโน้มดีมานด์เติบโตอย่างต่อเนื่อง" คุณเพชรลดา กล่าว