กรุงเทพฯ--27 ส.ค.--สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
สสว. นำเอสเอ็มอีอาหารแปรรูปของไทย 20 ราย รุกตลาดฮ่องกงและจีน เข้าร่วมงาน HKTDC Food Expo 2018 เมื่อเร็วๆนี้ ผลตอบรับดีเกินคาด เผยภายในหนึ่งปีสร้างมูลค่าการค้าได้ไม่น้อยกว่า 400 ล้านบาท จากการแนะนำสินค้าและจับคู่เจรจาธุรกิจรวม 298 คู่จากผู้ซื้อหลายประเทศทั่วโลก ชี้กลุ่มผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูปอบแห้ง-อบกรอบ เครื่องดื่ม กาแฟ และชาสำเร็จรูปได้รับความนิยมสูง
นายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) กล่าวว่า สสว. ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปของไทย ให้มีโอกาสลงพื้นที่จริง เรียนรู้พฤติกรรมการบริโภค การเลือกซื้อ และความต้องการจากผู้บริโภคชาวฮ่องกงและจีน นำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ พัฒนากลยุทธ์ สร้างคุณค่าใหม่ให้เกิดขึ้น และต่อยอดธุรกิจต่อไป โดยได้นำคณะผู้ประกอบการกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มแปรรูปจำนวน 20 ราย ร่วมจัดแสดงสินค้า และจับคู่เจรจาธุรกิจในงาน HKTDC Food Expo 2018 ณ ฮ่องกง เมื่อเร็วๆ นี้ ได้แก่ ข้าวออร์แกนิก ข้าวกล้องหอมมะลิ น้ำพริกเครื่องแกงปรุงสำเร็จประเภทต่างๆ ซอสพริก ซอสปรุงรส ผงปรุงรส โยเกิร์ต ไวน์ผลไม้ น้ำดื่มสมุนไพร น้ำผลไม้ชนิดผงชงดื่ม น้ำมะพร้าว น้ำผึ้งผสมลำไย น้ำผึ้งผสมรวงผึ้ง นมผึ้ง ชาหม่อนออร์แกนิกชนิดผง กาแฟปรุงสำเร็จผสมทุเรียนชนิดผง ชานมปรุงสำเร็จชนิดผง อาหารไทยกึ่งสำเร็จรูปอบแห้ง อาทิ ต้มยำกุ้ง ส้มตำไทย แกงเลียงกุ้งสด ผัดไทย เป็นต้น ผลิตภัณฑ์กลุ่มสแน็ค อาทิ ข้าวเหนียวทุเรียนอบกรอบ ข้าวเหนียวมะม่วงอบกรอบ ลำไยสอดไส้ทุเรียน ทุเรียนอัดเม็ด เป็นต้น ผลิตภัณฑ์กลุ่มผลไม้อบแห้ง และผลไม้อบกรอบนานาชนิด ได้แก่ ทุเรียน มะม่วง สับปะรด มังคุด เงาะ ขนุน เป็นต้น
นายสุวรรณชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า "การเข้าร่วมงานครั้งนี้ สามารถสร้างการรับรู้ในผลิตภัณฑ์ เกิดคำสั่งซื้อทันทีราว 4 ล้านบาท และเกิดการเจรจาธุรกิจจำนวน 298 คู่เจรจาจากคู่ค้าหลายประเทศ ประมาณการว่าภายในระยะเวลาหนึ่งปีต่อจากนี้ จะสามารถสร้างมูลค่าการค้ารวมกันได้ราว 407 ล้านบาท โดยผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเป็นอย่างมากและตลาดมีแนวโน้มตอบรับดี ได้แก่ กลุ่มผลไม้แปรรูปทั้งชนิดอบแห้ง อบกรอบ รวมถึงน้ำผลไม้ทั้งแบบพร้อมดื่มและชนิดผงชงดื่ม สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีคำสั่งซื้อสูงสุด ได้แก่ กาแฟปรุงสำเร็จผสมทุเรียนชนิดผง ชานมปรุงสำเร็จชนิดผง และผลิตภัณฑ์กาแฟ-ชาอื่นๆ ของบริษัท โอวีว่า คอร์ป จำกัด รวมมูลค่า 79 ล้านบาท รองลงมาคือ ผลไม้อบแห้ง อบกรอบต่างๆ อาทิ ทุเรียนอบกรอบ มะม่วงอบกรอบ มังคุดอบกรอบ ลำไยสอดไส้ทุเรียน ข้าวเหนียวทุเรียนอบกรอบ ข้าวเหนียวมะม่วงอบกรอบ และทุเรียนอัดเม็ด เป็นต้น ของ บริษัท พี เอ็ม ดับบลิว อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด รวมมูลค่า 47 ล้านบาท โยเกิร์ต ผลไม้อบกรอบ และอาหารเพื่อสุขภาพ ของบริษัท เจแอลซี แดรี่ฟู้ด จำกัด มูลค่า 46 ล้านบาท ข้าวออร์แกนิก ข้าวกล้องหอมมะลิ ของบริษัท ทีเอ็นอาร์ อินเตอร์เทรด จำกัด มูลค่า 42 ล้านบาท และน้ำผลไม้ชนิดผง และผงปรุงรสต่างๆ ของบริษัท เฟลเวอร์ฟอร์ส จำกัด มูลค่า 36 ล้านบาท เป็นต้น"
นายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม ได้รับมอบหมายจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.) ให้เป็นผู้ดำเนินกิจกรรมในครั้งนี้ โดยผู้ประกอบการที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมงาน HKTDC Food Expo 2018 ทั้ง 20 ราย เป็นบริษัทผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มแปรรูปที่มีมาตรฐานการผลิตในระดับสากล มีการนำเทคโนโลยี และนวัตกรรมมาพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มหลากหลายรูปแบบ ส่วนใหญ่เน้นตอบโจทย์ความนิยมในการบริโภคผลไม้ไทยของผู้บริโภคชาวจีน โดยเฉพาะทุเรียนที่มีการนำมาผ่านกระบวนการผลิตที่ทันสมัย เพื่อยืดอายุผลิตภัณฑ์ ทั้งยังนำมาผสมผสานกับวัตถุดิบอื่นๆ สร้างความแปลกใหม่ให้กับตลาดฮ่องกงและจีน ตลอดจนผู้ซื้อจากทั่วโลกราว 22 ประเทศที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้