กรุงเทพฯ--27 ส.ค.--ธพว.
SME Development Bank เดินหน้ายกระดับการท่องเที่ยวชุมชน "ดอยผาหมี" ขึ้นแท่นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ประจำ จ.เชียงราย พร้อมรับอานิสงส์ 'ถ้ำหลวง' บูม มุ่งเติมทุนคู่ความรู้ สร้างชื่อกาแฟท้องถิ่น ยกระดับมาตรฐานโฮมสเตย์ เปิดโอกาสสร้างอาชีพ เพิ่มรายได้สู่คนพื้นที่
นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Development Bank) หรือ ธพว. เปิดเผยว่า จากที่ธนาคารลงพื้นที่ศึกษาข้อมูลเชิงลึกชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศที่มีความโดดเด่น เพื่อต่อยอดเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ โดย "ดอยผาหมี" ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เป็นหนึ่งในพื้นที่ ซึ่งธนาคารสนับสนุน เนื่องจากเห็นศักยภาพจากต้นทุนแผ่นดิน มีธรรมชาติสวยงามอุดมสมบูรณ์ สืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่นดีงาม อีกทั้ง ยังเป็นแหล่งปลูกกาแฟชั้นเยี่ยมของประเทศ เดินทางสะดวกอยู่ห่างจากตัวเมือง อ.แม่สาย แค่ 7 กิโลเมตร และคาดว่า ในอนาคตอันใกล้ จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาอีกจำนวนมาก เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากพื้นที่อยู่ติดกับถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ซึ่งเกิดเหตุการณ์นักฟุตบอล ทีม"หมูป่าอะคาเดมี่แม่สาย" 13 ชีวิตติดถ้ำ จนโด่งดังไปทั่วโลก กำลังก้าวเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย
ทั้งนี้ การสนับสนุนเบื้องต้น ส่งเสริมอาชีพการแปรรูปเมล็ดกาแฟ โดยอนุมัติ "สินเชื่อเถ้าแก่ 4.0" วงเงิน 1 ล้านบาท เพื่อนำไปซื้อเครื่องคั่วกาแฟ เนื่องจากที่ผ่านมา แม้ดอยผาหมี จะเป็นแหล่งปลูกกาแฟชั้นดี มีพื้นที่เพาะปลูกกว่า 1,500 ไร่ ทว่า ในชุมชนกลับไม่มีเครื่องคั่วกาแฟเลย ชาวบ้านต้องเดินทางกว่า 30 กิโลเมตรไปจ้างคั่วนอกพื้นที่ ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่ม ดังนั้น เมื่อมีเครื่องคั่วกาแฟประจำชุมชน จะลดต้นทุนการผลิตไปได้ถึง 10 บาทต่อกิโลกรัม อีกทั้ง รายจ่ายที่เดิมต้องไปจ้างคนภายนอกคั่วกาแฟ กิโลกรัมละ 50 บาท จะกลับมาหมุนเวียนในชุมชนแทน รวมถึง ส่งเสริมการสร้างแบรนด์ "กาแฟดอยผาหมี" ให้เป็นที่รู้จักและจดจำ เหมาะเป็นของฝากที่ต้องซื้อติดไม้ติดมือกลับไปเมื่อมาเที่ยวดอยผาหมี
นอกจากนั้น ส่งเสริมให้คนในชุมชนที่มีความพร้อม ปรับปรุงบ้านพักเป็น "โฮมสเตย์" เนื่องจากทุกวันนี้ ดอยผาหมี มีโฮมสเตย์เพียงแค่ 3 หลังเท่านั้น รับนักท่องเที่ยวเข้าพักได้เพียงประมาณ 30 คนเท่านั้น ในขณะที่ จำนวนนักท่องเที่ยวมาดอยผาหมีเฉลี่ยประมาณ 500 คนต่อวัน ยิ่งเป็นวันหยุดเพิ่มเป็นกว่า 1,000 คนต่อวัน และมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม ที่ผ่านมา ธนาคารได้นำผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโฮมสเตย์มาให้ความรู้แก่ชาวดอยผาหมีที่สนใจอยากปรับปรุงบ้านเป็นโฮมสเตย์ ควบคู่กับเติมทุนสินเชื่อดอกเบี้ยถูกพิเศษ เพื่อใช้ปรับปรุงบ้านพัก เช่น สินเชื่อเศรษฐกิจติดดาว สำหรับบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล อัตราดอกเบี้ย 3% คงที่ 3 ปีแรก ผ่อนนาน 7 ปี และ สินเชื่อเถ้าแก่ 4.0 จากกระทรวงอุตสาหกรรม สำหรับนิติบุคคล คิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1% คงที่ตลอดระยะเวลา 7 ปี
นายมงคล กล่าวต่อว่า การยกระดับท่องเที่ยวชุมชนดอยผาหมี จะช่วยให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ แก่ชาวดอยผาหมี และส่งต่อไปยังธุรกิจต่อเนื่องอย่างกว้างขวาง ทั้งธุรกิจทัวร์ ร้านอาหาร ร้านขายสินค้าที่ระลึก เป็นต้น โดย ธพว. นับเป็นสถาบันการเงินแห่งแรกที่สนับสนุนสินเชื่อให้แก่ชุมชนดอยผาหมีได้สำเร็จ เพราะชาวชุมชนไม่มีเอกสารสิทธิ์เพื่อใช้ค้ำประกันใดๆ สถาบันการเงินอื่นๆ จึงไม่สามารถอนุมัติสินเชื่อให้ได้ แต่สำหรับ ธพว. ใช้กระบวนการพิจารณาจากสิทธิ์ทำกินในพื้นที่โครงการพัฒนาที่ดินดอยตุง รวมถึง ใช้กลไก บสย. มาค้ำประกัน จึงสามารถอนุมัติสินเชื่อแก่ชาวดอยผาหมีได้
ด้านนางสาวผกากานต์ รุ่งประชารัตน์ ประธานวิสาหกิจชุมชนกาแฟดอยผาหมี กล่าวเสริมว่า การเข้ามายกระดับการท่องเที่ยวชุมชนของ ธพว. จะช่วยเพิ่มรายได้ให้ชาวดอยผาหมี จากเดิมเคยยึดอาชีพเกษตรกรปลูกกาแฟ ขายส่งผลผลิตราคาถูกให้พ่อค้าคนกลางนำไปขายต่อเพื่อติดแบรนด์อื่นๆ คนภายนอกจึงไม่รู้จักกาแฟภายใต้ชื่อดอยผาหมี เมื่อ ธพว. ส่งผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้การแปรรูปกาแฟ และสร้างแบรนด์ของตัวเอง อีกทั้ง เติมทุนเพื่อซื้อเครื่องจักร ปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ และส่งเสริมการตลาด จะช่วยเพิ่มมูลค่ากาแฟดอยผาหมี ในฐานะของฝากเด่นประจำถิ่น ขายได้ราคาสูงขึ้น ขณะเดียวกัน การปรับปรุงโฮมสเตย์ ให้มีมาตรฐานความสะอาดปลอดภัย จะช่วยเพิ่มราคาค่าที่พัก จากปัจจุบันแค่หลักร้อยบาทต่อวัน หลังปรับปรุงแล้ว สามารถเพิ่มเป็นหลักพันบาทต่อวัน
ทั้งนี้ ความสำเร็จจากการสนับสนุน สร้างโอกาส สร้างอาชีพให้ชุมชนดอยผาหมี มีส่วนให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) พิจารณามอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ประจำ ปี 2561 สาขารางวัลความร่วมมือเพื่อการพัฒนา ด้านความร่วมมือในเชิงยุทธศาสตร์ (Collaboration) ประเภทเชิดชูเกียรติ ให้แก่ ธพว. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)