กรุงเทพฯ--27 ส.ค.--เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส
Porsche Classic คืนชีพรถสปอร์ต 911รุ่นคลาสลิกจากอะไหล่แท้ดั้งเดิมทุกชิ้น
แผนก Porsche Classic ได้ปลุกตำนานยนตรกรรมล้ำค่าที่นักสะสมรถยนต์ทุกคนล้วนปรารถนา จะได้ครอบครองไว้ในคอลเลคชัน: ปอร์เช่ 911 เทอร์โบ (Porsche 911 Turbo) รุ่นสุดท้ายที่ได้รับการติดตั้งเครื่องยนต์ ระบายความร้อนด้วยอากาศ หรือ air-cooled engine – นับเป็นระยะเวลากว่า 20 ปี หลังการยุติสายการผลิตของรถสปอร์ต ในตำนานรุ่นดังกล่าว ทั้งนี้งานออกแบบตัวถังภายนอกของปอร์เช่ 911 เทอร์โบ (Porsche 911 Turbo) ในรหัส 993 นั้นมีพื้นฐานมาจากรุ่นปกติ และรูปทรงอมตะของรถคันนี้ยังคงเปี่ยมเอกลักษณ์ ตัวถังภายนอกโดดเด่นด้วยสี Golden Yellow Metallic ซึ่งเป็นสีแบบเดียวกับปอร์เช่ 911 เทอร์โบ เอส เอ็กซ์คลูซีฟ ซีรีส์ (Porsche 911 Turbo S Exclusive Series) รุ่นปี 2018 ล้ออัลลอยสีดำตัดขอบเน้นด้วย Golden Yellow เพิ่มความคมเข้ม ขณะที่ภายในห้องโดยสาร เบาะนั่งและ ชิ้นส่วนต่างๆ ล้วนได้รับการตกแต่งด้วยสีดำและ Golden Yellow ในทุกๆ รายละเอียดเช่นเดียวกัน สำหรับชุดแต่งตัวถัง ภายนอกถูกเพิ่มเติมความโฉบเฉี่ยวและเสริมความสปอร์ตเหนือระดับด้วยช่องดักอากาศด้านข้าง ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ในรุ่น 993 เทอร์โบ เอส (993 Turbo S) และเป็นอุปกรณ์พิเศษสำหรับปอร์เช่ 911 เทอร์โบ (Porsche 911 Turbo) รุ่นปี 1998 ด้วยพละกำลังมหาศาลกว่า 450 แรงม้า ยนตรกรรมสปอร์ตสุดคลาสสิกคันนี้กำลังจะได้รับโอกาสร่วมลงสนาม Laguna Seca (ประเทศสหรัฐอเมริกา) เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบการเปิดตัวครั้งแรกของโลกระหว่างมหกรรมความเร็วสุดยิ่ง ใหญ่ Porsche Rennsport Reunion ในวันที่ 27 กันยายน 2018 นี้ สมบัติล้ำค่าของนักสะสมรถยนต์ชิ้นนี้จะถูกจำกัด ให้วิ่งบนสนามแข่งเท่านั้น หลังจากนั้นรถคันนี้จะถูกนำออกประมูลโดย RM Sotheby's ณ Porsche Experience Center เมือง Atlanta ในวันที่ 27 ตุลาคม 2018 รายได้จากการประมูลจะบริจาคให้แก่มูลนิธิ Ferry Porsche Foundation ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลที่ไม่แสวงหาผลกำไร จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติและร่วมเฉลิมฉลองวาระครบรอบ "70 years of Porsche sports cars"
"Project Gold" "คือโครงการที่แสดงให้เห็นความสามารถของแผนก Porsche Classic ในการรังสรรค์ผลงานที่เปี่ยมไปด้วย ความงดงามวิจิตรบรรจง" ข้างต้นคือคำกล่าวของ Detlev von Platen สมาชิกคณะกรรมการบริหารผู้ดูแลรับผิดชอบ ส่วนงานขายและการตลาดของ Porsche AG นอกจากนี้เขายังแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมอีกว่า "โครงการนี้คือตัวอย่าง ที่ชัดเจนของกลยุทธ์การดำเนินงานของเรา แม้ว่าทุกวันนี้เราได้เริ่มต้นเดินหน้าพัฒนารถสปอร์ตรุ่นใหม่ในชื่อว่า ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ขององค์กร เรื่องราวความเป็นมาจากอดีตจน ถึงปัจจุบัน นับเป็นอีกสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ปอร์เช่ 993 (Porsche 993) สี Golden Yellow คันนี้คือเครื่องหมายยืนยัน ว่าเรายังคงมีความผูกพันอย่างลึกซึ้งต่อรากเหง้าขององค์กรไม่เคยเปลี่ยนแปลง"
"Project Gold" เป็นอีกหนึ่งผลงานที่สะท้อนความคลาสสิกของยนตรกรรมสปอร์ตจากปอร์เช่ ตอบรับกับการเฉลิมฉลอง ครบรอบ "70 years of Porsche sports cars": พร้อมกับวาระพิเศษนี้ คือกำหนดการเตรียมเผยโฉมต่อ สายตาสาธารณชน ทั่วโลกของ ไทคานน์ (Taycan) ในฐานะของรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบคันแรกจากปอร์เช่อีกด้วย บรรดา วิศวกรผู้เชี่ยวชาญของแผนก Porsche Classic ได้ร่วมมือกันเสนอแนวความคิดในการออก แบบโครงสร้างอันไร้ที่ติ ของรถสปอร์ตรุ่นใหม่ล่าสุด โดยอาศัยพื้นฐานจากรูปทรงของตัวถังรุ่น 993 นี่คือการผสมผสานสุดลงตัวระหว่างความ คลาสสิกและนวัตกรรมล้ำสมัย นอกจากนี้เหล่าวิศวกรมากฝีมือยังได้ลงมือคัดเลือกอะไหล่แท้คุณภาพสูงจาก Porsche Classic จำนวนมากกว่า 6,500 รายการ สำหรับรองรับความต้องการบูรณะยนตกรรมสปอร์ตรุ่น 993 เป็นพิเศษ ทางแผนกได้จัดเตรียมอะไหล่ทั้งหมดกว่า 52,000 รายการ ซึ่งสามารถติดต่อสั่งซื้อผ่านศูนย์บริการ Porsche Classic และ Porsche Centers ทุกแห่งทั่วโลก เพื่อการดูแลรักษาและซ่อมบำรุงรถยนต์ปอร์เช่รุ่นคลาสสิกให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด
โครงสร้างตัวถังสุดคลาสสิก ใช้เวลาในการเตรียมการประมาณ 1 ปีครึ่ง เริ่มต้นด้วยการชุบกันสนิม และผ่านการพ่นสีโดย กรรมวิธีที่ทันสมัยแบบเดียวกับที่ใช้ในกระบวนการผลิตรถยนต์รุ่นปัจจุบัน ผลงานคลาสสิกทรงคุณค่าต่อการสะสมชิ้นนี้ ได้รับการประกอบและปรับแต่งอย่างประณีตบรรจงจากวิศวกรผู้ชำนาญการพิเศษของแผนก Porsche Classic ทุกขั้น ตอนเกิดขึ้นภายในส่วนงาน Porsche restoration workshop ที่เมืองสตุ๊ทการ์ท ขุมพลังเครื่องยนต์ใหม่ ขนาดความจุ 3.6 ลิตร 6 สูบนอน พร้อมระบบอัดอากาศทวินเทอร์โบ ให้พละกำลังสูงสุด 450 แรงม้า ถูกติดตั้งลงบนตัวรถ ถ่ายทอดสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมเฉกเช่นเดียวกับในช่วงเวลาที่รถคันนี้ถือกำเนิดขึ้นจากสายการผลิตดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็น ระบบเกียร์ธรรมดาหรือระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive ยังคงเป็นชิ้นส่วนอะไหล่แท้ที่ผลิตโดยแผนก Porsche Classic หมายเลขตัวถังที่ถูกประทับด้วยมือได้รับการเรียงลำดับต่อเนื่องจากปอร์เช่ 993 เทอร์โบ (993 Turbo) คันสุดท้ายที่ออกจากสายการผลิตเมื่อปี 1998
การตกแต่งภายนอกและภายในห้องโดยสาร เกิดขึ้นจากความร่วมมือกับแผนกพิเศษ Porsche Exclusive Manufaktur ที่เคยรับบทบาทหน้าที่ในการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอก อย่างปอร์เช่ 911 เทอร์โบ เอสเอ็กซ์ คลูซีฟ ซีรีส์ (Porsche 911 Turbo S Exclusive Series) รุ่นปี 2018 ซึ่งมีจำนวนการผลิตที่จำกัดเพียง 500 คันเท่านั้น เพื่อความสมบูรณ์แบบของรถสปอร์ต คลาสสิกคันนี้ เหล่านักออกแบบจากแผนก Style Porsche ต่างมุ่งมั่นทุ่มเท ใส่ใจทุกรายละเอียด แม้กระทั่งเฉดสีที่ปรากฎ หรือตำแหน่งติดตั้งตราสัญลักษณ์ รวมทั้งชิ้นงานตกแต่งทุกชิ้นภายในห้องโดยสาร
ปอร์เช่ 993 (Porsche 993) คือยนตรกรรมที่เป็นมากกว่าของสะสมทรงคุณค่าในทุกวันนี้ นี่คือหนึ่งในรถยนต์ที่ได้รับ การยอมรับในความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีและประสิทธิภาพการทำงานที่เชื่อถือได้ รถคันนี้คือปอร์เช่ 911 รุ่นแรกที่ผลิตขึ้น จากโครงสร้างตัวถังอะลูมิเนียมซึ่งให้สมรรถนะการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมในยุคสมัยนั้น นอกจากนี้สำหรับปอร์เช่ 911 เทอร์โบ (Porsche 911 Turbo) รหัสตัวถัง 993 ยังเป็นปอร์เช่รุ่นแรกที่ได้รับการติดตั้งเครื่องยนต์แบบทวินเทอร์โบเพื่อให้มี อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นไปตามมาตรฐานมลภาวะในปี 1995 ตัวถังด้านหน้าวางตัวในระดับที่ต่ำกว่า ปอร์เช่ 911 (Porsche 911) รุ่นก่อนหน้า อันเป็นผลจากการปรับเปลี่ยนรูปทรงของโคมไฟหน้าจากวงกลมเป็นวงรี ล้ออะลูมิเนียมอัลลอยลาย Hollow-spoke เป็นต้นแบบให้แก่รถยนต์รุ่นอื่นที่ติดตั้งล้อในลักษณะเดียวกัน เพียบพร้อมด้วย นวัตกรรมอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive ใน 911 เทอร์โบ (Porsche 911 Turbo) และเครื่องยนต์สมรรถนะสูงระดับ 450 แรงม้า ซึ่งได้รับการติดตั้งลงในปอร์เช่ 911 เทอร์โบ เอส (Porsche 911 Turbo S) ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 345 คันเท่านั้น
พบกับภาพประกอบเนื้อหาข่าวได้ที่ Porsche Newsroom www.newsroom.porsche.com และฐานข้อมูลสำหรับสำหรับสื่อมวลชน Porsche press database (www.presse.porsche.de)
เกี่ยวกับ AAS Auto Service
ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่อย่าง เป็นทางการ ได้สร้างความเชื่อมั่นในด้านการดูแลหลังการขายให้กับลูกค้าปอร์เช่ทุกท่าน ด้วยทีมวิศวกรที่ผ่านการ ทดสอบระดับเหรียญทอง (ZPT3 Gold Theory Test & Recertification) ถึง 12 คน ซึ่งถือว่ามี จำนวนมากที่สุดของศูนย์รถยนต์ปอร์เช่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคทั้งหมด 12 ประเทศ สะท้อนให้เห็นถึง ความสำคัญ ในเรื่องการให้บริการหลังการขาย โดย เอเอเอส ทุ่มงบการอบรมวิศวกร ของเราให้มีคุณภาพสูงสุด ตามนโยบาย หลักของบริษัทที่ว่า "เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ AAS Looking after You and your Car" เพื่อให้ท่านมั่นใจได้ว่า "AAS The Name You Can Trust" ซึ่งพิสูจน์ให้ท่านได้เห็นแล้วตลอดระยะเวลาดำเนินงานมากกว่า 30 ปี