กรุงเทพฯ--28 ส.ค.--กรมประมง
กรมประมงจัดอบรมหลักสูตรตรวจการประมงรุ่นที่ 14 ระหว่างวันที่ 3 - 23 สิงหาคม 2561 ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงอ่าวไทยฝั่งตะวันออก (ระยอง) ให้กับเจ้าหน้าที่ตรวจการประมงจำนวนทั้งสิ้น 40 ราย เพื่อเสริมสร้างความรู้และเพิ่มทักษะในด้านการตรวจตราและปราบปรามผู้กระทำผิดตามพระราชกำหนดการประมงพ.ศ. 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติมและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ตลอดจนได้ฝึกฝนและฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกายและจิตใจให้พร้อมสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ภายใต้ความกดดัน
นายอรุณชัย พุทธเจริญ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า จากการที่พ.ร.ก.ประมงใหม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของการจัดระเบียบการประมงเพื่อป้องกันไม่ให้มีการทำประมงที่ผิดกฎหมายและรักษาทรัพยากรสัตว์น้ำให้เกิดความยั่งยืน กรมประมงในฐานะหน่วยงานหลักในการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำของประเทศและเป็นหน่วยงานหลักที่จะต้องควบคุมการบังคับใช้กฎหมายทางด้านประมง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้บุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ ความชำนาญ และมีประสบการณ์ในการปฏิบัติงาน จึงได้กำหนดจัดอบรมหลักสูตรตรวจการประมงรุ่นที่ 14 ขึ้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานสามารถนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้ในการควบคุมการบังคับใช้พระราชกำหนดการประมงพ.ศ. 2558 ซึ่งจะส่งผลทำให้ประชาชนและชาวประมงสามารถใช้ทรัพยากรสัตว์น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งเพื่อการดำรงชีพและการประกอบอาชีพ
นายถาวร จิระโสภณรักษ์ ผู้อำนวยการกองตรวจการประมง กล่าวเพิ่มเติมว่า กองตรวจการประมง เป็นหน่วยงานหลักของกรมประมงที่มีหน้าที่ตรวจตราและปราบปรามผู้กระทำผิดกฏหมาย โดยมีเจ้าหน้าที่ตรวจการประมงเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่มีการโยกย้ายตำแหน่งการปฏิบัติงาน ตลอดจนมีการเรียกบรรจุบุคลากรใหม่เพิ่มเติม ดังนั้นเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจการประมงมีความรู้และทักษะในการปฏิบัติหน้าที่ได้ทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน กองตรวจการประมงจึงได้จัดอบรมหลักสูตรดังกล่าวขึ้น โดยการอบรมครั้งนี้มีวิทยากรที่มีความรู้และความชำนาญจากหลายหน่วยงานมาเป็นผู้บรรยายและครูฝึกเพื่อสร้างทักษะให้กับผู้เข้ารับการอบรมอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นวิทยากรจากกรมประมง สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค 6 สาขาตราด และสาขาระยอง สำนักงานอัยการจังหวัดระยอง ศาลปกครองจังหวัดระยอง ตำรวจภูธรจังหวัดระยอง ตำรวจน้ำ หน่วยรบพิเศษและบริษัทความปลอดภัยเอส ดี ซี แมเนจเม้นท์ จำกัด นับเป็นการทำงานอย่างบูรณาการร่วมกันเพื่อเป็นส่วนร่วมในการขับเคลื่อนภาคการประมงของประเทศไทย
สำหรับความเข้มข้นของหลักสูตรตรวจการประมงในปีนี้นอกจากจะอัดแน่นในเรื่องของความรู้ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายด้านการประมงและการเดินเรือแล้ว ยังได้มีการบรรจุกิจกรรมเพื่อฝึกฝนและฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายและจิตใจให้กับเจ้าหน้าที่ตรวจการประมงตลอด 21 วันเต็ม อาทิ การปฏิบัติภารกิจใต้น้ำและในน้ำ การใช้อาวุธ การช่วยเหลือผู้ประสบภัย การดำน้ำและการประดาน้ำ การปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บ การคุ้มครองบุคคลสำคัญ เป็นต้น
รองอธิบดีฯ กล่าวในตอนท้ายว่า หลักสูตรตรวจการประมงเป็นหลักสูตรที่จะสร้างให้เจ้าหน้าที่ตรวจการประมงมีความพร้อมทั้งร่างกาย จิตใจ และความรู้ความสามารถเพื่อปกป้องทรัพยากรประมงของประเทศไทย ด้วยความกล้าในการที่จะเผชิญหน้าต่อปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ด้วยการตัดสินใจที่เด็ดขาด รวดเร็ว แม่นยำ และถูกต้อง