กรุงเทพฯ--28 ส.ค.--สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สน.ข) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะจังหวัดเชียงใหม่ (รถไฟฟ้าจังหวัดเชียงใหม่) ภายหลังจากที่กระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ดำเนินการศึกษารายละเอียดความเหมาะสม และออกแบบโครงการระบบขนส่งมวลชนสายสีแดง ซึ่งเป็นรถไฟฟ้ารางเบาสายแรกของจังหวัดเชียงใหม่
นายชัยวัฒน์ฯ กล่าวว่า คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ซึ่งมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบกำหนดโครงการที่จะดำเนินการตามมาตรการเร่งรัดโครงการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP Fast Track) ของกระทรวงคมนาคม จำนวน 6 โครงการ โดยรวมถึงโครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดเชียงใหม่ด้วย และคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ได้มีมติรับทราบผลการศึกษาและจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะจังหวัดเชียงใหม่ที่ สนข. ดำเนินการศึกษาแล้วเสร็จ และมอบหมายให้ รฟม. ดำเนินโครงการระบบขนส่งมวลชนจังหวัดเชียงใหม่ในรูปแบบการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) โดยมีความเห็นว่าควรดำเนินการก่อสร้างครั้งละ 1 เส้นทาง
นายชัยวัฒน์ฯ กล่าวต่อว่า สำหรับการศึกษาและจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะจังหวัดเชียงใหม่ สนข. ได้ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นจำนวน 3 ครั้ง และจัดประชุมกลุ่มย่อย Focus Group จำนวน 5 ครั้ง จากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรภาคประชาชน ผู้นำชุมชน ภาคธุรกิจเอกชน และสื่อมวลชน โดยได้นำข้อเสนอแนะ และข้อคิดเห็นอันเป็นประโยชน์ มาประกอบการศึกษาฯ ดังกล่าว เพื่อให้เป็นระบบขนส่งสาธารณะของคนเชียงใหม่อย่างแท้จริง
ทั้งนี้ จากผลการศึกษาพบว่าระบบขนส่งสาธารณะที่เหมาะสมกับจังหวัดเชียงใหม่จะเป็นระบบรถไฟฟ้าแบบรางเบา (Light Rail Transit: LRT) ประกอบด้วย 3 เส้นทาง ได้แก่ สายสีแดงวิ่งแนวทิศเหนือ-ใต้ ระยะทาง 12.54 กิโลเมตร สายสีน้ำเงิน วิ่งแนวทิศตะวันออก-ตะวันตก ระยะทาง 10.47 กิโลเมตร และสายสีเขียววิ่งเชื่อมย่านธุรกิจ ระยะทาง 11.92 กิโลเมตร รวมระยะทาง 34.93 กิโลเมตร มีโครงสร้างทางวิ่งผสมระหว่างระดับดินและใต้ดินโดยเขตชานเมืองเป็นระดับดิน (วิ่งร่วมกับการจราจรปกติบางส่วน เช่น ทางแยก และจุดกลับรถ) และเขตเมืองเป็นระดับใต้ดิน โดยกระทรวงคมนาคมได้พิจารณามอบหมายให้ รฟม. ดำเนินการศึกษารายละเอียดความเหมาะสม และออกแบบโครงการระบบขนส่งมวลชนสายสีแดงจังหวัดเชียงใหม่ ตามรูปแบบโครงสร้างทางวิ่งผสมระหว่างใต้ดินและระดับดิน ซึ่งอยู่ในแนวทิศเหนือ – ใต้ ผ่านพื้นที่กิจกรรมหลักสำคัญ ได้แก่ โรงพยาบาลนครพิงค์ ศูนย์ราชการเชียงใหม่ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ศูนย์ประชุมนานาชาติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ สถานีขนส่งช้างเผือก โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ สนามบินนานาชาติเชียงใหม่ ห้างสรรพสินค้าแอร์พอร์ตพลาซ่า สำนักงานขนส่งทางบก และห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีหางดง ขณะนี้อยู่ระหว่าง รฟม.เตรียมการดำเนินงานจัดจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาออกแบบรายละเอียด และจัดเตรียมเอกสารประกวดราคา รวมทั้งจัดทำรายงาน EIA และรายงานตาม พ.ร.บ. การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 คาดว่าจะใช้เวลาศึกษา ออกแบบรายละเอียด และจัดทำรายงาน EIA รวมทั้งรายงาน PPP ให้แล้วเสร็จได้ประมาณเดือนตุลาคม 2562
นายชัยวัฒน์ฯ กล่าวตอนท้ายว่า ในช่วงต้นเดือนกันยายน 2561 จังหวัดเชียงใหม่จะร่วมกับ สนข. จัดกิจกรรมเพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และรณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการเดินทางมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะในจังหวัดเชียงใหม่ โดยจะมีการเดินขบวน Troop ประชาสัมพันธ์เพื่อให้เข้าถึงประชาชนผู้ใช้รถ ใช้ถนนบริเวณตามแนวเส้นทางของระบบขนส่งสาธารณะจังหวัดเชียงใหม่ หรือบริเวณแหล่งชุมชนที่มีประชาชนเดินทางสัญจรเป็นจำนวนมากต่อไป
โดยจะมีการจัดริ้วขบวน TROOP เดินพาเรด อย่างสวยงามและตื่นตาน่าสนใจ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์ที่พึงจะได้รับของโครงการฯ ของประชาชนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวโดยทั่วไป เมื่อโครงการแล้วเสร็จ บนเส้นทางที่จะมีการก่อสร้างทางรถไฟฟ้าแบบรางเบา ซึ่งจะจัดขึ้น ในวันที่ 8 กันยายน 2561 นี้ ในรูปแบบขบวนรถแห่ที่มีการประดับประดาและตกแต่งอย่างตระการตาน่าสนใจ โดยมีคณะผู้บริหาร จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ประชาชนทั่วไป ดารานักแสดง เจ้าหน้าที่ สนข. ตลอดถึงสื่อมวลชนทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค และเจ้าหน้าที่จากส่วนงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมสร้างการรับรู้ และประชาสัมพันธ์โครงการฯ ในครั้งนี้
ทั้งนี้ จังหวัดเชียงใหม่นั้นในปัจจุบันนับเป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ ด้วยเป็นเมืองที่มีประชากรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2559 ที่ผ่านมา มีประชากรตามทะเบียนบ้านที่อาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่จำนวน 1.7 ล้านคน ขณะที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศเดินได้ทางเข้าท่องเที่ยวและพักแรมในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่มากกว่า 10 เท่า ของจำนวนประชากรตามทะเบียนบ้าน คืออยู่ที่ 9.4 ล้านคน และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นกว่า 10% ในทุกปี ซึ่งสร้างรายได้เข้าจังหวัดไม่น้อยกว่า 88,452 ล้านบาทต่อปี หากมีพัฒนาเมืองด้านการขนส่งเพื่อรองรับตามทิศทางของการเพิ่มขึ้นของประชากรทั้งขาจรและขาประจำ ในอนาคตอันใกล้นี้จังหวัดเชียงใหม่ ก็จะกลายเป็นนครแห่งชีวิตที่มีความน่าสนใจและปลอดภัยในการเดินทางสัญจรเป็นอย่างยิ่ง และจะเป็นเมืองในฝันที่ผู้คนทั่วโลกต่างอยากมาเยือนอย่างแน่นอน