กรุงเทพฯ--29 ส.ค.--พลัส พร็อพเพอร์ตี้
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เดินหน้าขยายธุรกิจงานบริหารโครงการที่พักอาศัยเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ ทั้งบริษัทมหาชน บริษัทขนาดใหญ่ และบริษัทหน้าใหม่ ล่าสุดปี 2561 กวาดลูกค้าใหม่เข้าพอร์ต 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 10,000 ล้านบาท วางกลยุทธ์เป็นพาร์ทเนอร์กับลูกค้า ชูจุดแข็งด้านงานระบบวิศวกรรมอาคารและงานบริการหลังการขาย เสริมความแข็งแกร่งด้วยเทคโนโลยีช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เผยทิศทางตลาดบริหารโครงการที่พักอาศัยเติบโตต่อเนื่อง ปี 2561 คาดมีอาคารชุดสร้างเสร็จ 116,000 ยูนิต เตรียมความพร้อมบุคลากรรับมือการเติบโตด้วยการพัฒนาหลักสูตรและอบรมให้บริการแบบมืออาชีพ
นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่าในปี 2561 พลัสฯ ได้มีนโยบายต่อยอดความสำเร็จด้านงานบริหารโครงการที่พักอาศัย และขยายธุรกิจไปยังฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบริษัทมหาชน บริษัทขนาดใหญ่ หรือบริษัทหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งพลัสฯ ได้ตั้งเป้าหมายการขยายธุรกิจด้านงานบริหารโครงการที่พักอาศัยในปี 2561 ไว้ที่ 10% ของจำนวนโครงการทั้งหมดในตลาด หรือราว 8-10 โครงการต่อปี ขึ้นอยู่กับขนาดและรูปแบบโครงการ สำหรับกลยุทธ์ในการขยายงานครั้งนี้ นอกจากจะใช้ความเป็นมืออาชีพในการบริหารโครงการที่พักอาศัยแล้วยังใช้กลยุทธ์การเป็นพาร์ทเนอร์กับลูกค้าเพื่อให้มีเป้าหมายไปในทางเดียวกัน คือสร้างมาตรฐานในงานบริหารโครงการที่พักอาศัย เพื่อส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกบ้านและผู้อยู่อาศัย
ล่าสุด ในปี 2561 นี้ พลัสฯ ได้รับความไว้วางใจให้บริหารอาคารที่พักอาศัยโครงการใหม่ 5 โครงการ มูลค่าโครงการกว่า 10,000 ล้านบาท เนื้อที่รวมกว่า 200,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย M ทองหล่อ 10 ของบริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์เอสเตท จำกัด (มหาชน), ไลฟ์ รัชดาภิเษก ของบริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน), บริกซ์ คอนโด จรัญสนิทวงศ์ 64 บริษัท มีสไตล์ เอสเตท จำกัด, เซ็นทริค อารีย์ สเตชั่น บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน ) และยูดีไลท์ แอท ตลาดพลู สเตชั่น บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด ซึ่งทั้ง 5 โครงการถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่เน้นความสำคัญเรื่องคุณภาพและมาตรฐานงานบริหารจัดการ ทั้งด้านการดูแลรักษาพื้นที่ส่วนกลาง ด้านความปลอดภัย การดูแลงานด้านระบบวิศวกรรมอาคาร (Preventive Maintenance) รวมถึงด้านการสื่อสารกับลูกบ้าน
"ปี 2561 นี้ นับเป็นปีแห่งการเติบโตและการขยายธุรกิจไปสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ด้วยแผนงานและวิธีการบริหารจัดการที่ท้าทายยิ่งขึ้น สอดคล้องกับสภาวะตลาดที่มีการแข่งขันและเติบโดอย่างรวดเร็ว ในส่วนของงานบริหารโครงการที่พักอาศัยที่ได้ขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่องนี้ เป็นผลมาจากกลยุทธ์ทางด้าน Business and Financial Enhancement การสร้างความมั่นคงทางธุรกิจในระยะยาว ทั้งการขยายงาน การกระจายรายได้อย่างมีเสถียรภาพ โดยอาศัยความเชี่ยวชาญและองค์ความรู้ขององค์กร ทั้งงานบริการผู้จัดการโครงการที่ดูแลภาพรวมอาคาร และงานด้านระบบวิศวกรรมอาคาร ซึ่งพลัสฯ ได้ใช้จุดแข็งจากการมีบุคลากรมืออาชีพและการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเสริมประสิทธิภาพ นำมาใช้ยกระดับงานบริการไปสู่การเป็นพาร์ทเนอร์กับลูกค้า อย่างเช่นโครงการบริกซ์ คอนโด จรัญสนิทวงศ์ 64 ที่พลัสฯ ได้รับความไว้วางใจในการเข้าไปมีส่วนร่วมวางระบบตั้งแต่ช่วงการก่อสร้าง สำหรับภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะโครงการที่อยู่อาศัยนั้น คาดว่าปัจจัยบวกจากการลงทุนของภาครัฐทางด้านคมนาคมที่มีเม็ดเงินเข้ามาในระบบสูงสุดของงบลงทุนรวมทั้งประเทศที่นำมาใช้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน จะส่งผลดีต่อการขยายตัวของอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 2-3 ปีต่อจากนี้ โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียม เนื่องจากเป็นตลาดที่รองรับการอยู่อาศัยจริงและเพื่อการลงทุน ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจบริหารโครงการที่พักอาศัยเติบโตตามไปด้วย อย่างไรก็ตามในด้านของบุคลากรมองว่าจำเป็นจะต้องพัฒนาฝีมือแรงงานเข้าสู่ตลาดอีกเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีสถาบันที่เปิดการเรียนการสอนด้านบริหารโครงการที่พักอาศัยอยู่ไม่มาก ซึ่งพลัสฯ ได้เน้นเรื่องของการพัฒนาบุคลากรให้ได้มาตรฐานระดับสากล ปัจจุบันได้พัฒนาหลักสูตรและเตรียมเปิดตัวสถาบันพัฒนาองค์ความรู้ของพนักงานในทุกมิติ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและเตรียมความพร้อมรองรับการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต" นายอนุกูล กล่าว
จากข้อมูลฝ่ายวิจัยและพัฒนาของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ คาดว่าปี 2561 นี้ จะมีจำนวนห้องชุดสร้างเสร็จในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 116,000 ยูนิต เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 135% โดยการเติบโตยังเป็นลักษณะคล้ายช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาคือตลาดระดับกลาง-บนยังเติบโตดี โดยเฉพาะจากโครงการขนาดใหญ่ที่เป็นมิ๊กซ์ยูสทั้งในและเขตรอบนอกของกรุงเทพฯ