กรุงเทพฯ--29 ส.ค.--สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
สถาบันรหัสสากล (GS1 Thailand) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2561 ภายใต้หัวข้อ "30 ปี บาร์โค้ดก้าวไกล Advancing to the Digital Era" ถือโอกาสฉลองครบรอบ 30 ปี ของสถาบันรหัสสากล ตอกย้ำการเป็นสถาบันหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่ให้บริการการออกรหัสสากล หรือ บาร์โค้ด ที่ช่วยผลักดันและพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้สามารถแข่งขันได้ในระดับภูมิภาคและ ระดับโลก
บาร์โค้ดหรือรหัสแท่งระบบ EAN ได้เข้ามายังประเทศไทยในปี 2530 โดยมีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งรับเป็นนายทะเบียน ต่อมาคณะกรรมการบริหารของ EAN INTERNATIONAL ณ กรุงบรัสเซล ประเทศเบลเยียมเห็นว่า ควรให้องค์กรกลางที่ไม่แสวงหาผลกำไรเป็นผู้ดำเนินการเป็นนายทะเบียนในประเทศไทย จึงได้แต่งตั้ง สถาบันสัญลักษณ์รหัสแท่งไทย (Thai Article Numbering Council : TANC) หรือ EAN THAILAND ดำเนินงานภายใต้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยขึ้น เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2536 โดยได้รับการสนับสนุนการจัดตั้งจากทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ กระทรวงอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ และคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.) ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น สถาบันรหัสสากล หรือ GS1 Thailand ทำหน้าที่เป็นนายทะเบียนออกเลขหมายบาร์โค้ดมาตรฐานสากล GS1 ในประเทศไทยจนถึงปัจจุบัน
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวแสดงความยินดีกับสถาบันรหัสสากล หรือ GS1 Thailand ที่ทำหน้าที่เป็นนายทะเบียนในการออกเลขหมายบาร์โค้ดมาตรฐานสากล GS1 แห่งเดียวในประเทศไทยมายาวนานกว่า 30 ปี และกล่าวถึงการลงนามความร่วมมือระหว่าง GS1 Thailand กับ Trade-Van Information Services และ CAT Telecom ในครั้งนี้ว่า ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของความร่วมมืออันดีต่อกันระหว่างประเทศไต้หวันกับประเทศไทย ความร่วมมือดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างกรอบความร่วมมือที่อำนวยความสะดวกสำหรับโครงการ Blockchain ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน โดยคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากความร่วมมือครั้งนี้หลายด้าน อาทิ โครงการ Blockchain ที่ร่วมกันศึกษาจะนำไปสู่การปรับปรุงกระบวนการในการดำเนินการพิธีการศุลกากรทั้งขาเข้าและขาออกของประเทศไทยและใต้หวันให้ง่ายขึ้นด้วยระบบ Paperless ช่วยให้ผู้ประกอบการไทยนำสินค้าเข้าสู่ระบบ e-Commerce ของไต้หวันและส่งไปจำหน่ายทั่วโลกได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังเป็นการช่วยพัฒนาศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้กับผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะสมาชิกสถาบันรหัสสากล และสมาชิกสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยด้วย นายสุพันธุ์ กล่าว
นายธนารักษ์ พงษ์เภตรา รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย งานสถาบันรหัสสากล กล่าวว่า การประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2561 ของสถาบันรหัสสากล สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ภายใต้หัวข้อ "30 ปี บาร์โค้ดก้าวไกล Advancing to the Digital Era" ในปีนี้ นับเป็นปีที่สำคัญ เนื่องจากเป็นปีที่เฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปี ของสถาบันรหัสสากล ซึ่งเป็นองค์กรหลักที่ช่วยผลักดันและพัฒนาผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไทย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขัน และเพิ่มโอกาสทางการค้าทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก มาตรฐานสากลจึงเปรียบเสมือนเครื่องมือ ที่ช่วยบริหารจัดการในภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะมาตรฐานสากล GS1 ที่ช่วยให้การจัดการซัพพลายเชนเป็นไปอย่างมีประสทธิภาพ ช่วยลดต้นทุน เพิ่มมูลค่าให้กับทุกธุรกิจ และถือเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทยได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ เพื่อตอบรับกับกระแสสังคมที่พัฒนาขึ้น โดยเฉพาะในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีเป็นตัวชี้วัดสำคัญ ทุกคนสามารถเพิ่มช่องทางและโอกาสให้กับธุรกิจของตนเองผ่านการใช้เทคโนโลยี การจัดงานภายใต้หัวข้อ "30 ปี บาร์โค้ดก้าวไกล Advancing to the Digital Era" จึงสอดคล้องกับยุคดิจิทัล ที่ผู้ประกอบการต้องยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจให้มีศักยภาพในการแข่งขัน และมีความพร้อมในทุกด้าน โดยวันนี้ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่านมาให้ข้อมูล ความรู้ รวมถึงประสบการณ์ในการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการ ถือเป็นการยกระดับผู้ประกอบการไทยให้ก้าวสู่ตลาดสากลได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังมีการลงนามความร่วมมือระหว่างสถาบันรหัสสากล หรือ GS1 Thailand กับ Trade-Van Information Services และ CAT Telecom เพื่อร่วมกันพัฒนาระบบ Blockchain เชื่อมโยงสินค้าไทยเข้าสู่ระบบ e-Commerce จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถขายสินค้าได้ทั่วโลก ถือเป็นมิติใหม่ทางการค้า ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อสมาชิก GS1 Thailand และสนับสนุนนโยบาย Industry Transformation ของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย