กรุงเทพฯ--7 ต.ค.--อินดัสเทรียล ดีไซน์ เน็ทเวิร์ค
อุตฯ ของเล่นไทยไม่หวั่นพิษน้ำมัน ประกาศมั่นใจรักษาตลาดของเล่นค่ากว่า 12,000 ล้าน ชี้เทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่เป็นแรงสำคัญดันยอดขาย เชื่อ BIG & BIH แม่เหล็กใหญ่ดึงผู้ประกอบการทั่วโลกเข้ามาสั่งซื้อสินค้าไทย ดันรายได้ส่งออกจำนวนมากเข้าประเทศ เชื่อมั่นจุดแข็งและศักยภาพผู้ประกอบการไทย เตรียมแผนขยายตลาดระดับบนเพิ่ม ขานรับ FTA เล็งเจาะตลาดใหม่อินเดียและญี่ปุ่น เพราะมีโอกาสขยายตัวสูง
นางสาวดวงใจ คูห์ศรีวินิจ นายกสมาคมอุตสาหกรรมของเล่นไทย เปิดเผยว่า ถึงแม้กำลังซื้อของผู้ประกอบการในปัจจุบันจะชะลอตัวลง อันเนื่องมาจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นส่งผลกระทบไปทั่วโลก ทำให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ไม่สั่งซื้อสินค้าเพื่อไปเก็บไว้มากเหมือนกับที่ผ่านมา รวมทั้งกำลังซื้อส่วนหนึ่งอาจจะลดลงไปด้วย แต่ยังมั่นใจว่าอุตสาหกรรมของเล่นไทยจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากขณะนี้เป็นช่วงระยะเวลาที่ผู้ประกอบการกำลังผลิตสินค้า เพื่อส่งมอบให้ผู้ซื้อได้ทันฤดูกาลขายในช่วงคริสต์มาสและเทศกาลปีใหม่
“ปีนี้กำลังซื้ออาจจะชะลอตัวลงกว่าปีก่อน อัตราการเติบโตคงไม่เพิ่มขึ้น แต่คาดว่าจะสามารถรักษาตลาดไว้ได้ในระดับเดิมคือประมาณ 12,000 ล้านบาท โดยเฉพาะในช่วงงานแสดงสินค้าของขวัญและงานแสดงสินค้าของใช้ในบ้าน เดือนตุลาคม 2548 (Bangkok International Gift Fair & Bangkok International Houseware Fair : October 2005) ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-22 ตุลาคมนี้ จะเป็นแม่เหล็กสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นตลาดและทำยอดขายได้เพิ่มมากขึ้น กล่าวคือ ผู้ซื้อจากต่างประเทศที่เป็นรายย่อย อาจจะเข้ามาเลือกซื้อสินค้าที่จะนำไปขายในช่วงฤดูร้อนปี 2549 โดยเน้นของเล่นประเภทกลุ่มเอาท์ดอร์ เพลย์ ขณะที่ผู้ซื้อรายใหญ่จะเข้ามาเลือกซื้อสินค้าเพื่อนำไปขายปลายปี 2549 เช่นกัน“
ปัจจุบันอุตสาหกรรมของเล่นไทยมีมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 12,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ตลาดในประเทศประมาณ 4,000 ล้านบาท และตลาดส่งออก 8,000-9,000 ล้านบาท โดยมีประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดหลักและทำรายได้สูงสุดประมาณ 30% กลุ่มประเทศในยุโรปประมาณ 30% ญี่ปุ่น 20% ส่วนอีก 20% เป็นตลาดตะวันออกกลางและแถบเอเชีย
นายกสมาคมอุตสาหกรรมของเล่นไทยกล่าวว่า ถึงแม้ว่าตลาดของเล่นระดับล่างในปัจจุบันจะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมัน เพราะมีปัจจัยด้านราคาเป็นตัวหลัก แต่สำหรับตลาดระดับบนนั้น ไม่ได้รับผลกระทบเท่าไรนัก ขณะเดียวกันยังคงสามารถรักษาตลาดไว้ได้ เพราะผู้ประกอบการของเล่นไทยมีความสามารถในการแข่งขันสูงมาก โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศที่สินค้าของเล่นไทยประเภทของเล่นเสริมพัฒนาการของเด็กยังคงแข่งขันในตลาดโลกได้ และมีความได้เปรียบหลายด้าน อาทิ คุณภาพสินค้า ดีไซน์ที่สวยงาม ประโยชน์การใช้งาน ความคุ้มค่าในการเล่น และการได้เปรียบในเรื่องของการส่งมอบสินค้าได้ตรงตามกำหนดเวลา เป็นต้น
ตลาดของเล่นระดับบนซึ่งมีส่วนแบ่งประมาณ 20% เป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงมาก โดยเฉพาะกลุ่มของเล่นประเภทเสริมทักษะด้านการศึกษาที่ผลิตจากไม้ เป็นตลาดที่น่าสนใจมาก และสินค้ากลุ่มนี้มีจุดขายชัดเจนเพราะเป็นสินค้าประเภท Green Product ซึ่งผลิตจากวัสดุเหลือใช้คือ ไม้ยางพาราที่เหลือจากการทำสวนยาง ทำให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเจาะตลาดหลัก อย่างสหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศในยุโรปได้ไม่ยาก เนื่องจากผู้บริโภคกลุ่มนี้ให้ความสำคัญมากเกี่ยวกับทางด้านสิ่งแวดล้อม
“คาดว่าจะสามารถขยายตลาดส่วนนี้เพิ่มขึ้นได้อีกมาก โดยเฉพาะประเทศอินเดียที่รัฐบาลกำลังมีการเจรจาเขตการค้าเสรี (FTA) ได้ให้ความสนใจผลิตภัณฑ์ของเล่นจากไทยมาก ส่วนตลาดญี่ปุ่นเป็นอีกตลาดหนึ่งที่เริ่มกระเตื้องขึ้น หลังจากเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัวมากว่า 10 ปี ตอนนี้เราได้เริ่มเข้าไปศึกษาความต้องการของเขา เพื่อหาแนวทางขยายตลาดเพิ่มขึ้น” นางสาวดวงใจกล่าว
รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
บริษัท อินดัสเทรียล ดีไซน์ เน็ทเวิร์ค จำกัด
โทร 02 — 203 0522
Press Release--จบ--