กรุงเทพฯ--31 ส.ค.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 31 สิงหาคม 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,198.46-1,209.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 18,750 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวขึ้น 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,700 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFV18 อยู่ที่ 18,800 บาท โดยราคาปรับตัวขึ้น 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,750 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.31 น. ของวันที่ 31/08/61)
แนวโน้มวันที่ 03 กันยายน 2561
ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน หนุนดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินต่างๆ หลังสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐต้องการเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่ม 2 แสนล้านดอลลาร์ ภายหลังการทำประชาพิจารญ์ในวันที่ 5 กันยายนนี้ ซึ่งมาตรการดังกล่าวอาจมีผลบังคับใช้เร็วกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ในวงกว้าง นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ ระบุว่า เขากำลังพิจารณาการเชื่อมโยงภาษีกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์เข้ากับเงินเฟ้อ ซึ่งคณะบริหารสหรัฐจะพยายามพิจารณาว่า ทางคณะบริหารมีอำนาจของตนเองหรือไม่ในการเปลี่ยนแปลงวิธีการคำนวณภาษีกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์ เพื่อปกป้องมูลค่าสินทรัพย์ทุนจากเงินเฟ้อ หากมีความชัดเจนมากขึ้นอาจบั่นทอนให้ความต้องการลงทุนทองคำลดลง ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวขึ้น ตอบรับข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ขยายตัวได้ในระดับที่ดี โดยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน(Core PCE)ของสหรัฐ ซึ่งยกเว้นหมวดอาหารและพลังงาน ปรับขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. หลังปรับขึ้น 0.1% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งดัชนี PCE พื้นฐานนี้เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ให้ความสำคัญ โดยดัชนีดังกล่าวแตะระดับเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ของเฟดในเดือนมี.ค.เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย. ปี 2555 ขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐปรับขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเดือนก.ค. บ่งชี้ถึงการเติบโตอันแข็งแกร่งของเศรษฐกิจในช่วงแรกของไตรมาส 3 ในขณะที่มาตรวัดของเงินเฟ้อสำคัญแตะระดับเป้าหมาย 2% ของเฟด เป็นครั้งที่ 3 ของปีนี้ เป็นแรงหนุนดอลลาร์ อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงปลายสัปดาห์ไม่มากนัก ขณะที่ตลาดสหรัฐจะปิดทำการในวันจันทร์ที่ 3 กันยายน เนื่องในวันแรงงาน (Labor Day) ทั้งนี้ ในช่วงก่อนหน้าราคาทองคำปรับตัวขึ้น แต่ยังไม่สามารถทะลุแนวต้านสำคัญในบริเวณ 1,217 ดอลลาร์ต่อออนซ์จึงเกิดการอ่อนตัวลงเพื่อสะสมแรงซื้อ และหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือ 1,194 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง ราคาทองคำยังมีโอกาสดีดตัวขึ้นทดสอบแนวต้านในบริเวณ 1,217 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากราคาทองคำทะลุแนวต้านดังกล่าวได้ แต่ราคาทองคำยังจะเผชิญแนวต้านถัดไปที่บริเวณ 1,229 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,217 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไร เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาราคาทองคำเมื่อมีการปรับตัวขึ้นแรงก็จะมีแรงขายทำกำไรออกมาแรงเช่นกัน โดยนักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้าง โดยให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้นักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้แนะนำให้ถือต่อไป เพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไป และหากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมาไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนสามารถเก็งกำไร โดยให้เน้นไปที่การเข้าซื้อ ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,194 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,182 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,194 (18,400บาท) 1,182 (18,200บาท) 1,171 (18,050บาท)
แนวต้าน 1,217 (18,800บาท) 1,229 (19,000บาท) 1,238 (19,150บาท)
GOLD FUTURES (GFV18)
แนวรับ 1,194 (18,590บาท) 1,182 (18,410บาท) 1,171 (18,240บาท)
แนวต้าน 1,217 (18,960บาท) 1,229 (19,140บาท) 1,238 (19,280บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999