กรุงเทพฯ--4 ก.ย.--สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
สสว. เตรียมความพร้อมและพัฒนาผู้ประกอบการ SME ไทยให้สามารถใช้ประโยชน์จากประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนได้อย่างเต็มศักยภาพ จัดงานสัมมนาอบรมพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs ภายใต้หัวข้อ "ส่องเคล็ดลับธุรกิจไลฟ์สไตล์ เจาะตลาดมาเลเซียและฟิลิปปินส์" เพื่อสร้างเครือข่ายกับผู้ให้บริการ SME ทั้งภาครัฐและเอกชนในประเทศอาเซียน+8 และจะสร้างเครือข่ายเพิ่มเติมในอีก 4 ประเทศ คือ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินเดีย และจีน ภายในปีนี้
นางสาววิมลกานต์ โกสุมาศ รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เปิดเผยว่า การที่อาเซียนเป็นภูมิภาคที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก มีประชากรรวมกันถึง 630 ล้านคน อาเซียนจึงเป็นตลาดใหญ่ที่ประเทศไทยมีโอกาสที่จะขยายการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศในอาเซียนได้เพิ่มขึ้น สสว. จึงให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมและพัฒนาผู้ประกอบการ SME ให้สามารถใช้ประโยชน์จากประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยอาเซียนจะดำเนินการเชื่อมโยงศูนย์ให้บริการ SME ของแต่ละประเทศอาเซียนเข้าด้วยกัน เพื่อผนึกกำลังในการให้บริการผู้ประกอบการ SME และสิทธิประโยชน์จากการเคลื่อนย้ายเสรีของสินค้า บริการ แรงงานฝีมือ และการลงทุน โดยในขณะนี้ ในแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียนกำลังเร่งเชื่อมโยงเครือข่ายของตนให้เป็นระบบ เพื่อที่จะสามารถเชื่อมโยงกันในระดับภูมิภาคอาเซียนได้อย่างมีศักยภาพต่อไป
สสว. จึงได้จัดงานสัมมนาอบรมพัฒนาผู้ประกอบการ SME ภายใต้หัวข้อ "ส่องเคล็ดลับธุรกิจไลฟ์สไตล์ เจาะตลาดมาเลเซียและฟิลิปปินส์" เพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ให้บริการ SMEs ของไทย และเพื่อสร้างเครือข่ายกับผู้ให้บริการทั้งภาครัฐและเอกชนในประเทศอาเซียน+8 พร้อมนำความรู้ดังกล่าวมาเผยแพร่ให้ผู้ประกอบการไทยได้รับทราบเพื่อการขยายลู่ทางการค้าการลงทุนในประเทศเหล่านั้น
" ที่ผ่านมา สสว. ได้ดำเนินกิจกรรมไปแล้วใน 8 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย กัมพูชา เมียนมาร์ ลาว เวียดนาม จีน (กวางโจว) อินเดีย (มุมไบ) และรัสเซีย ในปีนี้ จึงได้มีการดำเนินการสร้างเครือข่ายเพิ่มเติมใน 4 ประเทศ คือ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินเดีย (เชนไน) และจีน (ซีอาน) จะเห็นได้ว่าได้มีการดำเนินการในประเทศจีนและอินเดียใน
ปีนี้อีกเป็นครั้งที่สอง เนื่องจากสองประเทศนี้ตลาดมีขนาดใหญ่ และพฤติกรรมของผู้บริโภคมีความแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ การได้เข้าไปศึกษาและเชื่อมโยงกับผู้ให้บริการ SME ในพื้นที่ใหม่ จึงจะช่วยให้สามารถเข้าถึงข้อมูลและโอกาสทางการค้าการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น " นายสุวรรณชัย กล่าว
นอกจากนี้ ตลาดมาเลเซียก็เป็นตลาดฮาลาลที่สำคัญของไทย สามารถเป็นทางผ่านของสินค้าฮาลาลของไทยไปสู่ตลาดฮาลาลอื่นๆ ของโลกได้ ในขณะที่ฟิลิปปินส์ยังคงเป็นตลาดที่ผู้ประกอบการไทยยังไม่สามารถเข้าถึงมากนักในขณะที่เป็นประเทศที่มีโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยเป็นอย่างมาก ซึ่ง สสว. และสถาบันพัฒนา SMEs ได้นำความรู้และแนวทางการออกสู่ตลาดในการออกสู่ 4 ประเทศดังกล่าวมาเผยแพร่ให้ผู้ประกอบการรับทราบ โดยจะจัดทั้งสิ้น 8 ครั้ง ใน 5 ภาคของไทย พร้อมกันนี้ ยังมีการจัดทำคู่มือการค้าการลงทุน การจัดทำข้อมูลการสร้างเครือข่ายธุรกิจและการทดสอบตลาดใน 4 ประเทศเป้าหมายดังกล่าว ซึ่ง SMEs สามารถ download ได้จากเว็บไซต์ของ สสว. www.sme.go.th
โครงการเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ให้บริการ SME สู่อาเซียน (ASEAN SME Service Provider Network)
- วัตถุประสงค์
- เพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ให้บริการ SMEs สู่อาเซียนของไทย พร้อมกับการเชื่อมโยงกับประเทศในกลุ่มประเทศอาเซียนเพื่อพัฒนาศักยภาพและสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการกับประเทศอาเซียน+8 พร้อมให้ความรู้ของผู้ประกอบการในการใช้ประโยชน์จากการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน+8
- กิจกรรม
- เชื่อมโยง Service Desk ของไทยกับเครือข่าย Service Desk ในต่างประเทศ และเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานผู้ประกอบการ โดยดำเนินกิจกรรมกับประเทศในกรอบอาเซียน+8 จำนวน 4 ประเทศ (มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ จีน และอินโดนีเซีย)
- จัดทำข้อมูลเพื่อประกอบในการให้คำปรึกษาของ Service Desk ใน 2 ส่วน คือ ข้อมูลในการสร้างเครือข่ายธุรกิจในประเทศเป้าหมาย (Business Networking) โดยจะเป็นการอธิบายขั้นตอนและวิธีการในการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ และข้อมูลที่ใช้ในการทำการทดสอบตลาดในประเทศเป้าหมาย (Market Test) ซึ่งจะเป็นการอธิบายขั้นตอนและวิธีการนำสินค้าหรือบริการเข้าไปทดสอบตลาด
- เผยแพร่ข้อมูลการใช้ประโยชน์จากการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน+8 จำนวน 3,000 ราย
- อบรมด้านการใช้ประโยชน์จากการเป็นเศรษฐกิจอาเซียนใน 4 ภูมิภาค (ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) และมีจำนวนผู้เข้าร่วมอบรมรวมทั้งสิ้นในทุกภูมิภาค อย่างน้อย 1,800 ราย
- ภาคตะวันออก ณ จังหวัดระยอง ในวันที่ 16 สิงหาคม 2561
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ จังหวัดนครราชสีมา และขอนแก่น ในวันที่ 21 และ 23 สิงหาคม 2561 ตามลำดับ
- ภาคกลาง ณ จังหวัดกรุงเทพ ในวันที่ 24 และ 29 สิงหาคม 2561
- ภาคเหนือ ณ จังหวัดนครสวรรค์ และพิษณุโลก ในวันที่ 30 สิงหาคม และ 4 กันยายน2561 ตามลำดับ
- ภาคใต้ ณ จังหวัดสงขลา ในวันที่ 3 กันยายน 2561
- เผยแพร่ข้อมูลด้วยวิธีอื่นๆ ที่สามารถเข้าถึงผู้ประกอบการได้อย่างน้อย 1,200 ราย อาทิ การเผยแพร่ในรูปแบบอิเล็คทรอนิกส์ (e-book)