กรุงเทพฯ--4 ก.ย.--IR PLUS
"สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์" เผยอีกก้าวความสำเร็จ ในฐานะผู้นำธุรกิจที่ปรึกษาบริหารงานก่อสร้างอย่างครบวงจร ติดอันดับต้นๆ ของประเทศ ชูจุดเด่นกลุ่มบริษัท มีความเชี่ยวชาญในงานเฉพาะด้าน ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั้งภาครัฐบาลและเอกชน ให้สร้างสรรค์ผลงานอันทรงคุณค่า พร้อมขยายการเติบโตรับดีมานด์ในตลาด กางแผนระดมทุนใน mai พัฒนาบุคลากรและระบบ รองรับการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาว
นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัท เป็นผู้นำในธุรกิจที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง และให้บริการออกแบบงานด้านสถาปัตยกรรม และวิศวกรรม, งานตกแต่งภายใน และงานอนุรักษ์โบราณสถาน ชูจุดเด่น ผู้บริหารเป็นวิศวกรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์การทำงานในธุรกิจมากว่า 30 ปี มีทีมงานมืออาชีพ บริหารงานภายใต้มาตรฐานวิชาชีพระดับสากล โดยคำนึงถึงการรักษาคุณภาพ เวลา และงบประมาณ ทำให้กลุ่มบริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของงานโครงการทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ ให้ทำหน้าที่เป็นผู้บริหารโครงการก่อสร้าง รวมทั้งงานออกแบบโครงการใหม่ๆ อยู่เสมอ
กลุ่มบริษัทฯ มุ่งเน้นธุรกิจการบริหารโครงการก่อสร้างทุกประเภท ทั้งโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยแบบแนวราบและแนวสูง อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า และโรงแรม ผลงานในช่วงที่ผ่านมา อาทิ ห้างสรรพสินค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ และอาคารยูบีซี 3 อาคารสำนักงาน Pearl Bangkok ห้างสรรพสินค้า Terminal 21 (โคราช) เป็นต้น ขณะที่ บริษัท สโตนเฮ้นจ์ จำกัด หรือ STH ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ STI มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจให้บริการออกแบบ ทั้งงานด้านสถาปัตยกรรม งานตกแต่งภายใน
งานวิศวกรรมโครงสร้าง และงานด้านอนุรักษ์โบราณสถาน สามารถให้บริการตั้งแต่การสำรวจ การออกแบบ และควบคุมงานก่อสร้าง ทำให้ได้รับความไว้วางใจให้ดูแลงานโครงการก่อสร้างขนาดกลางและขนาดใหญ่อันเป็นที่ยอมรับในแวดวงสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม และเป็นที่รู้จักโดยทั่วไป อาทิ พระราชวังสราญรมย์, พระบรมราชานุสรณ์ ดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี, พิพิธภัณฑ์บ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี, วังกรมพระนเรศวรฤทธิ์ (วังมะลิวัลย์), สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินวังบูรพา เป็นต้น ส่งผลให้กลุ่มบริษัทฯ มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ และได้รับพระราชทานรางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่น ประจำปี 2551 (ประเภทองค์กร) จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
สำหรับธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ ธุรกิจที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง ในปี 2558 – 2560 มีสัดส่วนรายได้คิดเป็นร้อยละ 81 ถึงร้อยละ 91 ของรายได้จากการให้บริการรวม และธุรกิจให้บริการออกแบบงานด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม งานตกแต่งภายใน และงานอนุรักษ์โบราณสถาน ผลประกอบการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาของกลุ่มบริษัทฯ มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2560 มีรายได้จากการให้บริการรวมอยู่ที่ 494.56 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 57.51 ล้านบาท อย่างไรก็ตามคาดว่าในปีนี้ ภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มขยายตัว เป็นโอกาสในการรับงานและสร้างผลประกอบการให้โดดเด่นต่อเนื่องได้
อีกก้าวที่สำคัญของ STI เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต และไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาคุณภาพงานให้มีมาตรฐาน ก้าวทันเทคโนโลยีการก่อสร้างใหม่ๆ อยู่เสมอ มุ่งหวังให้กลุ่มสโตนเฮ้นจ์เป็นสถาบันที่สร้างวิศวกรที่มีคุณภาพออกสู่สังคม ขยายงานที่ปรึกษาบริหารงานก่อสร้างให้ไปไกลสู่ตลาดโลก จึงมีแผนจะเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) และอยู่ระหว่างการพิจารณาแบบคำขออนุญาตการเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จากสำนักงาน ก.ล.ต. (SEC)
ทั้งนี้ ปัจจุบัน บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน จำนวน 134 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 268 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และมีทุนชำระแล้วจำนวน 100 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 200 ล้านหุ้น โดยมีแผนจะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนในครั้งนี้จำนวน 68 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 25.37 ของทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ เงินที่ได้จากการระดมทุน จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ และการขยายกิจการในอนาคต รวมทั้งนำไปพัฒนาบุคลากรและระบบต่างๆ
"เราเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจที่ปรึกษาบริหารงานก่อสร้าง ซึ่งมีบทบาทสำคัญอย่างมากในงานก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภท เริ่มตั้งแต่ให้คำปรึกษา และบริหารงานอย่างครบวงจร เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า เปรียบเสมือนคนกลางที่เชื่อมต่อระหว่างเจ้าของงาน ผู้ออกแบบ และผู้รับเหมา ขับเคลื่อนงานโครงการต่างๆ ให้ประสบความสำเร็จมาแล้วกว่า 500 โครงการ และเชื่อว่าแผนการเข้ามาระดมทุนใน mai จะเพิ่มศักยภาพการเติบโตของบริษัทฯ ให้แข็งแกร่ง และรวดเร็วยิ่งขึ้น" นายสมเกียรติ กล่าว