กรุงเทพฯ--6 ก.ย.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 06 กันยายน 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,195.30-1,203.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 18,700 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 100 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,600 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFV18 อยู่ที่ 18,770 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 90 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,680 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.55 น. ของวันที่ 06/09/61)
แนวโน้มวันที่ 07 กันยายน 2561
ความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้รับแรงหนุนเล็กน้อยจากการที่นายนิโคลัส ดูฮอฟเน รมว.เศรษฐกิจอาร์เจนตินา แสดงความเชื่อมั่นว่า อาร์เจนตินาจะได้รับการเบิกเงินกู้วงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์โดยเร็วจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) โดยข้อตกลงดังกล่าวอาจได้รับการเสนอต่อคณะกรรมการ IMF ในการพิจารณาภายในสิ้นเดือนก.ย.นี้ จึงส่งผลให้เปโซอาร์เจนตินาเริ่มฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ นอกจากนี้ นางคริสเทีย ฟรีแลนด์ รมว.ต่างประเทศแคนาดา กล่าวว่า สหรัฐและแคนาดามีความคืบหน้าในการหารือเพื่อปรับข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ(นาฟต้า) และเจ้าหน้าที่จากทั้ง 2 ฝ่ายจะดำเนินการจนถึงช่วงดึก เพื่อเพิ่มรายละเอียดสำหรับการหารือต่อไป นอกจากนี้ ผู้นำทางการค้าสหรัฐและสหภาพยุโรป (EU) เตรียมจัดการประชุมครั้งแรก ณ กรุงบรัสเซลส์ในวันจันทร์ เพื่อกระชับสัมพันธ์ทางการค้าให้ใกล้ชิดมากขึ้นหลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐตกลงระงับการขู่เก็บภาษีรถยนต์ EU แนวโน้มดังกล่าวกดดันดัชนีดอลลาร์ให้อ่อนค่าลงจากจุดสูงสุดรอบ 2 สัปดาห์ หนุนราคาทองคำให้ฟื้นตัวขึ้นได้บ้าง นอกจากนี้นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)สาขาเซนต์หลุยส์ ระบุว่า เฟดควรชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม เนื่องจากจุดยืนนโยบายการเงินอยู่ในระดับเป็นกลางหรืออาจจะอยู่ในเชิงจำกัดแล้ว เป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามความตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มขึ้นระหว่างจีนกับสหรัฐ จากแนวโน้มที่สหรัฐเตรียมเก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่มวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งสื่อท้องถิ่นของสหรัฐ ส่วนใหญ่ประเมินว่าปธน.ทรัมป์น่าจะประกาศมาตรการภาษีต่อจีนรอบใหม่ ในวันศุกร์ที่ 7 ก.ย.นี้ นอกจากนี้นักลงทุนจับตาการขยายตัวของการจ้างงานสหรัฐ ผ่านตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์ หากบ่งชี้ว่าภาวะการขยายตัวของตลาดแรงงาน ก็จะส่งผลลบต่อการณ์คาดการณ์ทิศทางราคาทองคำ เห็นได้จากมีแรงขายทองคำออกมาเมื่อราคาขยับขึ้น สำหรับมุมมอง ประเมินว่าหากราคาทองคำขึ้นทดสอบแนวต้าน แต่หากไม่สามารถผ่านไปได้ ทำให้ราคาเกิดการอ่อนตัวลง ซึ่งการแกว่งตัวของราคาทองคำยังถือเป็นโอกาสให้นักลงทุนระยะสั้นเข้าซื้อเก็งกำไร
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย แนะนำให้รอการตั้งฐานของราคาทองคำ แต่สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้มากแนะนำให้รอจังหวะซื้อหากราคาไม่หลุดแนวรับ 1,182 หรือ 1,175 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และขายทำกำไรบริเวณแนวต้าน เมื่อราคาทองคำดีดตัวขึ้นและไม่ผ่านแนวต้าน 1,202 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากสามารถผ่านได้ให้รอขายทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไปที่ 1,214 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากราคาที่เหวี่ยงตัวอย่างรุนแรงจะทำให้นักลงทุนที่ลงทุนมากเกินไปหรือไม่มีแผนในการลงทุนที่ชัดเจนจะได้รับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุน
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,182 (18,300บาท) 1,175 (18,200บาท) 1,160 (17,950บาท)
แนวต้าน 1,202 (18,700บาท) 1,214 (18,850บาท) 1,228 (19,050บาท)
GOLD FUTURES (GFV18)
แนวรับ 1,182 (18,450บาท) 1,175 (18,350บาท) 1,160 (18,110บาท)
แนวต้าน 1,202 (18,770บาท) 1,214 (18,960บาท) 1,228 (19,180บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999