กรุงเทพฯ--7 ก.ย.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 07 กันยายน 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,198.00-1,203.53 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 18,700 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาทรงตัวจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,700 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFV18 อยู่ที่ 18,760 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 40 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,800 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.45 น. ของวันที่ 07/09/61)
แนวโน้มวันที่ 10 กันยายน 2561
แนวโน้มการเก็บภาษีเพิ่มของสหรัฐต่อสินค้าจีน ทำให้การซื้อขายทองคำในช่วงปลายสัปดาห์ซบเซา ทั้งนี้ หลังจากสิ้นสุดระยะรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณชนสำหรับภาษีต่อสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ นักลงทุนจับตาว่าคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะสามารถเริ่มเก็บภาษีในเวลาใด แม้ว่ายังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดในส่วนของการบังคับใช้จริงว่าจะมีขึ้นเร็วเพียงไร แต่จีนยืนยันว่าจะตอบโต้ในแบบเดียวกัน ส่งผลให้หยวนอ่อนค่าลงนำสกุลเงินเอเชีย แม้ว่าธนาคารกลางจีนจะกำหนดค่ากลางหยวนที่แข็งแกร่งขึ้นก็ตาม นอกจากนี้ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐในเดือนกรกฎาคม เพิ่มสูงขึ้นถึง 9.5% สู่ระดับ 5.01 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน ขณะที่การส่งออกลดลง ประเด็นดังกล่าวผลักดันให้ปธน.ทรัมป์ เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล ว่าเขาจะใช้มาตรการเก็บภาษีทางการค้ากับญี่ปุ่นเป็นรายต่อไป ขณะที่คณะผู้เจรจาสหรัฐและแคนาดาเดินหน้าการเจรจาเพื่อกอบกู้ข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ(นาฟต้า) แต่มีประเด็นที่ยากอยู่บางประเด็น รวมถึงโควต้าผลิตภัณฑ์จากนม, การปกป้องสำหรับบริษัทสื่อของแคนาดา และวิธีการแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าในอนาคต ซึ่งปธน.ทรัมป์ได้กำหนดเส้นตายสำหรับข้อตกลงในสัปดาห์นี้ ยังสร้างความวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการค้า ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนดอลลาร์และสกัดการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ อย่างไรก็ตาม ทองคำได้รับแรงหนุนจากข้อมูลจากบริษัทให้คำปรึกษาด้านโลหะ GFMS เผยว่า การนำเข้าทองคำของอินเดียเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าในเดือนส.ค. สู่ระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือน เนื่องจากราคาทองคำที่ลดลงทำให้ผู้ผลิตเติมเต็มสต็อกอัญมณี การซื้อทองคำที่พุ่งขึ้น 116.5% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี สู่ 100 ตันในเดือนที่ผ่านมาของอินเดีย ซึ่งเป็นผู้อุปโภครายใหญ่อันดับ 2 ของโลก อาจช่วยพยุงราคาทองคำโลก วายแอลจีเชื่อว่า สงครามการระหว่าง ค้าสหรัฐ-จีน ยังคงเป็นปัจจัยส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำได้ในระยะต่อไป ทั้งนี้ การเข้าซื้อทองคำจำเป็นต้องวางแผนให้ชัดเจน และจัดพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนและทำให้นักลงทุนสามารถรับความผันผวนได้
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำอาจมีการดีดตัวในช่วงสั้นๆขึ้นมาบ้าง โดยประเมินแนวต้านแรกไว้ที่ระดับ 1,214 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถขึ้นไปยืนเหนือแนวต้านดังกล่าวได้มีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1,228 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากไม่สามารถผ่านแนวต้านแรกไปได้ราคาทองคำมีแนวโน้มย่อตัวลงมาบริเวณแนวรับ 1,191 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากราคายังหลุดแนวรับแรก ราคาทองคำจะปรับตัวลงสู่แนวรับถัดไปโซน 1,182 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เบื้องต้นในการเข้าซื้อทองคำ นักลงทุนสามารถสังเกตว่าราคาทองคำยังทำจุดสูงสุดใหม่จากวันก่อนหน้าหรือไม่ ซึ่งหากราคาหยุดการทำในลักษณะนี้ แสดงว่าแรงซื้อกำลังอ่อนแรงลง นักลงทุนยังต้องระมัดระวังแรงขายโดยน่าจะเห็นการอ่อนตัวของราคาลงมาอีกครั้ง
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,191 (18,450บาท) 1,182 (18,300บาท) 1,175 (18,200บาท)
แนวต้าน 1,214 (18,850บาท) 1,228 (19,050บาท) 1,238 (19,200บาท)
GOLD FUTURES (GFV18)
แนวรับ 1,191 (18,600บาท) 1,182 (18,460บาท) 1,175 (18,350บาท)
แนวต้าน 1,214 (18,960บาท) 1,228 (19,180บาท) 1,238 (19,330บาท))
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999