กรุงเทพฯ--14 ก.ย.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์
บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เดินหน้าโครงการ "เสริมปัญญา กับ ทาทา สตีล" โดยการส่งมอบและติดตั้งห้องสมุดในรูปแบบมุมหนังสือพรั่งพร้อมด้วยสื่อการเรียนรู้ประเภทต่างๆ ให้แก่โรงเรียนในภาคใต้รวม 12 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพิ่มเติมอีกจำนวน 7โรงเรียน จากเดิมที่ได้เคยมอบให้ไปแล้ว 8 โรงเรียนตลอดช่วงสองปีที่ผ่านมา และในคราวเดียวกันนี้ ได้มอบให้กับโรงเรียนในจังหวัดสงขลาจำนวน 5 โรงเรียน ตามเป้าหมายของบริษัทในพันธกิจเพื่อสังคมด้านการส่งเสริมและพัฒนาการศึกษาให้กับเด็กและเยาวชนในพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง นับเป็นปีที่ 10 แล้ว ซึ่งในปีนี้มุ่งเน้นการส่งมอบห้องสมุดเพื่อเด็กไทยและครูผู้เสียสละในโรงเรียนพื้นที่ภาคใต้ โดยการส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ทั้ง 7 กลุ่มสาระ เพื่อผลักดันเยาวชนไทยให้มีความรอบรู้ ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคปัจจุบันได้เติบใหญ่เป็นทั้งคนเก่งและคนดีเพื่อร่วมกันพัฒนาสังคมและประเทศชาติไทย
นายศิโรโรตม์ เมธมโนศักดิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ - ทรัพยากรบุคคลและบริหาร บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทาทา สตีล ได้ริเริ่มโครงการ "เสริมปัญญา กับ ทาทา สตีล" เพื่อส่งเสริมแหล่งเรียนรู้ให้แก่เด็กและเยาวชนในพื้นที่ห่างไกล โดยโครงการนี้ ได้ดำเนินการส่งมอบมุมหนังสือให้กับโรงเรียนต่างๆ ซึ่งริเริ่มขึ้นครั้งแรกมอบให้กับโรงเรียนที่ตั้งอยู่บริเวณรอบโรงงานของทาทา สตีล ในจังหวัดสระบุรี ชลบุรีและจังหวัดระยอง เพื่อปลูกฝังเยาวชนโดยรอบโรงงานให้มีพื้นที่ในการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาตนเอง ครอบครัว และชุมชน จากนั้นก็ได้พิจารณาเห็นว่า พันธกิจเพื่อส่งเสริมการศึกษาไม่ควรที่จะจำกัดงบประมาณไว้เพียงแค่โรงเรียนรอบโรงงานเท่านั้น เนื่องจากการศึกษานับเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาความเจริญของสังคมและประเทศในทุกๆ ด้าน เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นก่อสร้างของบริษัทที่เป็นรากฐานสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภคต่างๆ จึงได้ขยายโครงการนี้ไปยังโรงเรียนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย นอกจากนั้น ยังได้มีการพัฒนารถห้องสมุดเคลื่อนที่ เพื่อหมุนเวียนโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ไปยังโรงเรียนต่างๆ ที่มีอุปสรรคในการเข้าถึง และยังขาดแคลนสื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัยอีกด้วย
ปัจจุบัน ในโลกที่ความรู้มีอยู่รอบตัวมากมายไม่สิ้นสุด เยาวชนจำเป็นต้องเปิดรับความรู้และพัฒนาตนเองให้ก้าวทันยุคสมัย ปรับตัวได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกๆ ด้าน ซึ่งทักษะความรู้ที่จำเป็นในการพัฒนาตัวเองอย่างรอบด้าน ประกอบไปด้วย 7 กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่สำคัญ ได้แก่ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ สังคมศึกษา ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ สุขศึกษาและพลศึกษา และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยทุกโรงเรียนน่าที่จะต้องมีสื่อการเรียนการสอนเหล่านี้จัดสรรไว้รองรับอุปนิสัยใฝ่เรียนรู้ของเด็กสมัยใหม่ที่มีอยู่อย่างไม่สิ้นสุด แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันกลับพบว่า ในโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลยังขาดแคลนสื่อการเรียนรู้ที่สำคัญทั้ง 7 กลุ่มสาระดังกล่าว จึงเป็นที่มาของโครงการ"เสริมปัญญา กับ ทาทา สตีล" โดยมีการมุ่งเน้นการจัดสรรหนังสือที่เต็มไปด้วยสีสัน ภาพการ์ตูน ซึ่งจะได้ทั้งสาระและเสริมสร้างนิสัยรักการอ่านรวมทั้งให้เหมาะสมกับความต้องการของเยาวชนในแต่ละโรงเรียนเพิ่มมากยิ่งขึ้น
มุมหนังสือ "เสริมปัญญา กับ ทาทา สตีล" เป็นมุมหนังสือขนาดมินิไซซ์ ใช้พื้นที่ประมาณ 20 ตารางเมตร บรรจุสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างครบครัน ได้แก่ ชั้นวางหนังสือ โต๊ะญี่ปุ่นที่มีโครงสร้างแข็งแรงปลอดภัย เหมาะแก่การใช้งานของเด็กๆ ที่สำคัญได้รวบรวมหนังสือทั้ง 7 กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่ทันสมัย อีกทั้งได้จัดสรรหนังสือประเภทต่างๆ ให้ตรงตามความต้องการของโรงเรียนในแต่ละพื้นที่ที่แตกต่างกัน เพื่อให้โรงเรียนได้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากความพิเศษของมุมหนังสือ ยังมีบอร์ดกิจกรรมพัฒนาการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของนักเรียน โดยบริษัทมีการจัดทำแนวทางการบริหารห้องสมุดเพื่อมอบให้กับทุกโรงเรียนที่ได้รับการสนับสนุนตามโครงการนี้ ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลการจัดหมวดหมู่หนังสือ การกำหนดรหัสหนังสือ การเก็บสถิติผู้ใช้บริการห้องสมุด การกำหนดระบบยืมและคืนหนังสือ และการจัดทำโครงการส่งเสริมการอ่าน อีกทั้งบริษัทยังมีแผนงานออกเยี่ยมเยียนโรงเรียนที่บริษัทได้ให้การสนับสนุน รวมถึงการจัดหาหนังสือใหม่ๆ เพิ่มเติมให้กับทุกโรงเรียนอย่างสม่ำเสมอตามความเหมาะสมภายหลังจากการส่งมอบมุมหนังสือไปแล้วอีกด้วย
ด้วยจุดเด่นของมุมหนังสือขนาดมินิไซซ์ ที่ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ภายใต้งบประมาณเฉลี่ยเพียง 75,000 บาทต่อโรงเรียน สามารถขยายโอกาสไปให้โรงเรียนต่างๆ อย่างต่อเนื่อง และประสบความสำเร็จแล้ว จำนวนทั้งสิ้น 284 โรงเรียน โดยทาทา สตีล ตั้งเป้าการส่งมอบมุมหนังสือ "เสริมปัญญากับทาทา สตีล" นี้ให้กับโรงเรียนที่อยู่ห่างไกลทั่วประเทศจำนวนทั้งสิ้น 400 โรงเรียน โดยในปี 2561 นี้ ทาทา สตีล มุ่งเน้นขยายโครงการดังกล่าวให้ครอบคลุมโรงเรียนในพื้นที่ภาคใต้มากยิ่งขึ้น โดยในโอกาสนี้ได้เดินทางไปมอบมุมหนังสือให้แก่โรงเรียนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เพิ่มเติมอีกจำนวนทั้งสิ้น 7 โรงเรียน ประกอบด้วย โรงเรียนชุมชนบ้านทุ่งคล้า อ.สายบุรี โรงเรียนบ้านปะแดลางา อ. หนองจิก จ.ปัตตานี โรงเรียนบ้านเจาะปันตัง อ.ปันนังสตา โรงเรียนวัดรังสิตาวาส อ.รามัน โรงเรียนบ้านพงยือไร อำเภอเมือง จ.ยะลา โรงเรียนบ้านจูดแดง อำเภอเมือง และโรงเรียนบ้านตูกู อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส เมื่อรวมกับเดิมที่ได้เคยส่งมอบมุมหนังสือให้โรงเรียน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แล้วในช่วงสองปีที่ผ่านมาจำนวน 8 โรงเรียน รวมเป็นทั้งสิ้น 15 โรงเรียน
และในโอกาสเดียวกันนี้ ได้เดินทางไปมอบมุมหนังสือให้กับโรงเรียนในจังหวัดสงขลาจำนวน 5 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนบ้านควนหรัน โรงเรียนบ้านท่าม่วง โรงเรียนบ้านบ่อเตย โรงเรียนบ้านตูหยง โรงเรียนบ้านควนตีหมุน อ.เทพา จ.สงขลา การเดินทางไปมอบมุมหนังสือในครั้งนี้บริษัทได้ตระหนักถึงความสำคัญของโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในบริเวณจังหวัดดังกล่าว ซึ่งต้องประสบกับเหตุการณ์ความไม่สงบ นอกจากนั้น ห้องสมุดของหลายโรงเรียนมีหนังสือที่อยู่ในสภาพเก่าไม่ชวนอ่าน ไม่ทันสมัย และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องสมุด ชำรุด เสียหาย รอการซ่อมแซม ดังนั้น การสนับสนุนแหล่งเรียนรู้เพื่อให้เด็กๆ ได้ฝึกฝนการอ่านการเขียน ตลอดจนปลูกฝังนิสัยรักการอ่านเพิ่มขึ้น จึงเป็นเป้าหมายสำคัญในการเข้ามามอบมุมหนังสือให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และจังหวัดสงขลาในครั้งนี้
นายศิโรโรตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การเข้าไปมอบมุมหนังสือให้กับโรงเรียนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้ง 12 โรงเรียนครั้งนี้ มีจุดประสงค์หลักในการเพิ่มแหล่งเรียนรู้ ให้เยาวชนได้ใช้ประโยชน์จากมุมหนังสือในการเรียนรู้เพื่อพัฒนาตัวเอง ครอบครัว ไปจนถึงชุมชน ต่อไปในอนาคต อีกทั้งจากการลงพื้นที่ทำการสำรวจ เราพบว่าเด็กในพื้นที่เหล่านี้ ยังมีเด็กจำนวนหนึ่งที่ไม่สามารถอ่าน เขียนภาษาไทยได้ในขั้นพื้นฐาน การมอบมุมหนังสือในครั้งนี้ ทาทา สตีล จึงมุ่งเน้นสนับสนุนหนังสือในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย รวมทั้งหนังสือความรู้รอบตัวที่มีความน่าสนใจด้านการอ่านเป็นพิเศษ เพื่อดึงดูดความสนใจเด็กๆ ให้หันมาพัฒนาทักษะการอ่านเขียนภาษาไทย ตอบสนองความต้องการของโรงเรียนในจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเฉพาะ
ด้านนางรอซีด๊ะ ดาโต๊ะ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านปะแดลางา ได้กล่าวว่า ที่ผ่านมาโรงเรียนมีความพยายามอย่างมากในการส่งเสริมให้นักเรียนอ่านออกเขียนได้ เนื่องด้วยเด็กๆ ส่วนใหญ่ใช้ภาษาท้องถิ่นในการสื่อสารกับครอบครัวมาโดยตลอด ประกอบกับบางส่วนที่เคยเรียนในโรงเรียนสอนศาสนา จึงไม่คุ้นชินกับการอ่านเขียนภาษาไทย อีกทั้งโรงเรียนยังขาดแคลนสื่อการเรียนการสอนที่กระตุ้นให้เด็กอยากฝึกอ่านเขียนภาษาไทย หลังจากได้รับหนังสือที่มีความหลากหลายเพิ่มขึ้นจากโครงการ "เสริมปัญญา กับ ทาทา สตีล" โดยเฉพาะหนังสือในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ทางโรงเรียนจึงวางแผนที่จะนำสื่อการเรียนรู้เหล่านี้มาพัฒนานักเรียน โดยจะจัดสรรเวลาให้นักเรียนเข้ามาใช้บริการมุมหนังสือในคาบเรียนภาษาไทย เพื่อให้การเรียนการสอนมีรูปแบบที่น่าสนใจยิ่งขึ้น ได้ใช้ประโยชน์จากสื่อการเรียนรู้ภายในมุมหนังสือให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งส่งเสริมให้นักเรียนได้เข้ามาใช้บริการมุมหนังสือในเวลาว่างเพื่อเป็นการพัฒนาความรู้อยู่เสมอ
ทั้งนี้ โรงเรียนล่าสุดที่ทาทา สตีล ได้ไปมอบมุมหนังสือให้ได้แก่ โรงเรียนบ้านบ่อเตย ต. ปากบาง อ. เทพา จ. สงขลา และในปีนี้ทาทา สตีล ยังคงมีแผนเดินหน้าโครงการมอบมุมหนังสือ "เสริมปัญญา กับ ทาทา สตีล" ต่อไปในจังหวัดสตูล เพื่อกระจายแหล่งเรียนรู้ให้ครอบคลุมทั่วทุกจังหวัดในภาคใต้มากขึ้น เช่นเดียวกับที่ประสบความสำเร็จแล้วในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออกและภาคตะวันตก สำหรับโรงเรียนและประชาชนทั่วไปที่สนใจ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ ส่วนสื่อสารและกิจกรรมองค์กร โทรศัพท์ 02-937-1000 หรือเข้าไปที่ www.tatasteelthailand.com
เกี่ยวกับทาทา สตีล (ประเทศไทย)
บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ "TSTH" ประกอบด้วย สามบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท เอ็น.ที.เอส.สตีลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ("NTS") ตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี บริษัท เหล็กก่อสร้างสยาม จำกัด ("SCSC") ตั้งอยู่ที่จังหวัดระยอง และบริษัท เหล็กสยาม (2001) จำกัด ("SISCO") ตั้งอยู่ที่จังหวัดสระบุรี บริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเหล็กทรงยาวรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีกำลังการผลิต เหล็กแท่ง 1.4 ล้านตัน และเหล็กสำเร็จรูป 1.7 ล้านตัน ประกอบด้วย เหล็กเส้นก่อสร้าง เหล็กลวด เหล็กรูปพรรณขนาดเล็ก เหล็กเพลา และเหล็กเส้นตัดและดัดสำเร็จรูป โดยจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านเครือข่ายผู้จำหน่ายสินค้าทั่วประเทศ รวมถึงส่งออกเหล็กเส้น และเหล็กลวด ไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก