กรุงเทพฯ--17 ก.ย.--กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยจากอิทธิพลมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม – 16 กันยายน 2561 ทำให้เกิดสถานการณ์ภัยใน 22 จังหวัด สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 14 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 8 จังหวัด ได้แก่ บึงกาฬ นครพนม สกลนคร นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา เพชรบุรี สตูล รวม 26 อำเภอ 92 ตำบล 587 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 16,468 ครัวเรือน 58,276 คน ซึ่ง ปภ. ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมระดมเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยสนับสนุนระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า อิทธิพลมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม – 16 กันยายน 2561 ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินถล่มในพื้นที่ 22 จังหวัด ได้แก่ น่าน เชียงราย ลำปาง พะเยา เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน หนองคาย นครพนม บึงกาฬ เพชรบุรี สกลนคร นครนายก ชัยภูมิ เพชรบูรณ์ พิจิตร กาฬสินธุ์ อุบลราชธานี ปราจีนบุรี สระบุรี ลพบุรี ฉะเชิงเทรา และสตูล รวม 113 อำเภอ 501 ตำบล 2,766 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 66,509 ครัวเรือน 211,368 คน ผู้เสียชีวิต 4 ราย สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 14 จังหวัด ได้แก่ น่าน ลำปาง พะเยา เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เพชรบูรณ์ เชียงราย พิจิตร ชัยภูมิ สระบุรี ลพบุรี หนองคาย อุบลราชธานี และกาฬสินธุ์ ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 8 จังหวัด รวม 26 อำเภอ 92 ตำบล 587 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 16,468ครัวเรือน 58,276 คน แยกเป็น
ลุ่มน้ำโขง 2 จังหวัด ได้แก่ บึงกาฬ น้ำในแม่น้ำโขงล้นตลิ่งในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองบึงกาฬ อำเภอบุ่งคล้า อำเภอเซกา และอำเภอพรเจริญ รวม 28 ตำบล 240 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,739 ครัวเรือน 19,443 คน พื้นที่การเกษตรคาดว่าเสียหาย 41,338 ไร่ ปัจจุบันระดับน้ำมีแนวโน้มลดลง นครพนม น้ำล้นตลิ่งในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอศรีสงคราม อำเภอนาหว้า และอำเภอนาทม รวม 8 ตำบล 86 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 479 ครัวเรือน 1,334 คน ปัจจุบันระดับน้ำมีแนวโน้มลดลง
ลุ่มน้ำอูนและลุ่มน้ำสงคราม 1 จังหวัด ได้แก่ สกลนคร น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอคำตากล้า อำเภอนิคมน้ำอูน อำเภอพรรณานิคม อำเภออากาศอำนวย และอำเภอบ้านม่วง รวม 10 ตำบล 20 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 186 ครัวเรือน 500 คน พื้นที่การเกษตรคาดว่าเสียหาย 1,533 ไร่ ปัจจุบันระดับน้ำมีแนวโน้มลดลง
ลุ่มน้ำบางปะกง 3 จังหวัด ได้แก่ นครนายก น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนครนายก อำเภอบ้านนา อำเภอองครักษ์ และอำเภอปากพลี รวม 19 ตำบล 120 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7,013 ครัวเรือน 25,919 คน พื้นที่การเกษตรคาดว่าเสียหาย 1,040 ไร่ ปัจจุบันระดับน้ำ มีแนวโน้มลดลง ปราจีนบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองปราจีนบุรี และอำเภอบ้านสร้าง รวม 9 ตำบล 63 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,963 ครัวเรือน 6,345 คน ปัจจุบันระดับน้ำมีแนวโน้มลดลง ฉะเชิงเทรา ฝนที่ตกหนักทำให้น้ำในอ่างเก็บน้ำลาดกระทิงล้นทางระบายน้ำเข้าท่วมพื้นที่อำเภอสนามชัยเขต รวม 2 ตำบล 10 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 150 ครัวเรือน 420 คน ปัจจุบันระดับน้ำมีแนวโน้มลดลง
ลุ่มน้ำเพชรบุรี 1 จังหวัด ได้แก่ เพชรบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแก่งกระจาน อำเภอท่ายาง และอำเภอบ้านแหลม รวม 6 ตำบล 18 หมู่บ้านประชาชนได้รับผลกระทบ 490 ครัวเรือน 2,035 คน ปัจจุบันระดับน้ำในแม่น้ำเพชรบุรีลดลงอย่างต่อเนื่อง ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำการเกษตร
ลุ่มน้ำภาคใต้ฝั่งตะวันตก 1 จังหวัด ได้แก่ สตูล น้ำไหลหลากในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอควนกาหลง อำเภอละงู อำเภอเมืองสตูล และอำเภอควนโดน รวม 10 ตำบล 30 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 448 ครัวเรือน 1,550 คน ปัจจุบันระดับน้ำมีแนวโน้มลดลง
ทั้งนี้ ปภ.ได้ร่วมกับจังหวัด ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยสนับสนุนระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขังอย่างต่อเนื่อง เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว รวมถึงแจกจ่ายถุงยังชีพและเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น ทั้งนี้ ได้กำชับจังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้วให้เร่งสำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ต่อไป ท้ายนี้หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป