กรุงเทพฯ--17 ก.ย.--ซีพีเอฟ
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ พร้อมสานต่อโครงการสานพลังประชารัฐ ด้านการศึกษาพื้นฐานและพัฒนาผู้นำ (Connext Ed หรือ คอนเน็กซ์ อีดี) ปีที่ 2 เตรียมรับ 123 โรงเรียนเข้าโครงการฯ เน้นวางรากฐานทางวิชาการและการคิดอย่างสร้างสรรค์ควบคู่ไปกับการพัฒนาทักษะการงานอาชีพ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน
นายสุขวัฒน์ ด่านเสริมสุข ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจอาหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) ซีพีเอฟ กล่าวว่า สำหรับโครงการคอนเน็กซ์ อีดี ปีที่ 2 จะมีโรงเรียนในความรับผิดชอบของบริษัทฯทั้งสิ้น 123 โรงเรียน ซึ่งเป็นโรงเรียนที่สมัครเข้าใหม่รวม 88 โรงเรียน อีก 35 โรงเรียน เป็นโรงเรียนในโครงการปีที่ผ่านมา และจะมีการต่อยอดกิจกรรมที่ดำเนินงานไปแล้ว โดยเฉพาะการพัฒนาทักษะและความเชี่ยวชาญของนักเรียนจากการฝึกงานจริงในสถานประกอบการของภาคเอกชน
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เปิดรับสมัครผู้นำทางการศึกษารุ่นใหม่ (School Partner หรือ SP) ตามความสมัครใจจำนวน 57 คน เพื่อปฏิบัติงานร่วมกับผู้บริหารของโรงเรียนในการจัดการเรียนการสอนและกิจกรรม ให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนดไว้ 5 ด้าน คือ ผู้เรียนมีความรู้ด้านวิชาการ ทักษะในการดำเนินชีวิตและอาชีพ มีคุณธรรม-จริยธรรม เพิ่มศักยภาพด้านการสอนและบริหารจัดการของผู้สอนและผู้บริหารการศึกษา หลักสูตรการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญตอบโจทย์ระดับประเทศและชุมชน การมีส่วนร่วมในการเปิดเผยข้อมูลการบริหารจัดการการศึกษา ตลอดจนการมีส่วนร่วมของชุมชนและสังคมอย่างสร้างสรรค์ และให้นักเรียนเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและสื่อการสอน
"ซีพีเอฟ ได้จัดทำแผนเพื่อรองรับโครงการคอนเน็กซ์ อีดี ไว้เรียบร้อยแล้วโดย SP พร้อมลงพื้นที่จนถึงสิ้นปีนี้ เพื่อเก็บข้อมูลและหารือร่วมกับผู้บริหาร ในการจัดทำแผนการเรียนการสอนและกำหนดเป้าหมายให้มีความชัดเจนสู่การลงมือปฏิบัติจริง" นายสุขวัฒน์ กล่าว
นายสุขวัฒน์ กล่าวย้ำว่า โครงการคอนเน็กซ์ อีดี เป็นมิติใหม่ของความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อร่วมขับเคลื่อนและยกระดับมาตรการการศึกษาพื้นฐานและการผู้นำรุ่นใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ ให้กระจายไปสู่วงกว้างมากขึ้น เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา สร้างโอกาสและความมั่นคงการทำงานในพื้นที่ให้กับผู้ที่จบการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งของประเทศสู่เป้าหมาย "ประเทศไทย 4.0"