กรุงเทพฯ--17 ก.ย.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 17 กันยายน 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,192.50-1,197.32 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 18,550 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาทรงตัวจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,550 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFV18 อยู่ที่ 18,610 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 110 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,720 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.32 น. ของวันที่ 17/09/61)
แนวโน้มวันที่ 18 กันยายน 2561
ความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การค้าระหว่างจีนและสหรัฐ กดดันราคาทองคำให้อ่อนตัวลงอีกครั้ง ตลาดทองคำต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนเรื่องสงครามการค้าโลก เมื่อประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐเตรียมประกาศเก็บภาษีครั้งใหม่ต่อสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงต้นสัปดาห์นี้ โดยหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า อัตราภาษีอาจจะอยู่ที่ระดับประมาณ 10% ที่คณะบริหารได้ระบุว่ากำลังพิจารณา ซึ่งต่ำกว่าที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 25% แม้ว่าราคาทองคำจะอ่อนตัวลงไม่มาก เพราะนักลงทุนรอรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บภาษีรอบใหม่ของสหรัฐต่อสินค้านำเข้าจากจีน แต่ประเด็นดังกล่าวอาจจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ประเทศย่ำแย่ลงต่อไป ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์โกลบอล ไทม์สเตือนว่า จีนจะไม่เพียงแต่รับบทป้องกันตนเองในสงครามการค้าที่ทวีความร้อนแรงขึ้นกับสหรัฐ แต่ยังได้เพิ่มแนวโน้มที่ทางการจีนอาจจะไม่เข้าร่วมเจรจาการค้ารอบใหม่ กับ นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ซึ่งมีกำหนดเริ่มต้นขึ้นประมาณวันที่ 20 ก.ย.และจีนอาจใช้วิธีการตอบโต้ผ่านช่องทางองค์การการค้าโลก (WTO) โดยกระทรวงการต่างประเทศของจีนระบุว่า รัฐบาลจีนจะตอบโต้ หากสหรัฐดำเนินการเก็บภาษีเพิ่มครั้งใหม่ต่อจีน แนวโน้มดังกล่าวยังคงกดดันราคาทองคำ ขณะที่นักลงทุนยังคงมีทัศนะบวกต่อดอลลาร์ โดยข้อมูลของคณะกรรมาธิการการค้าสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) ระบุว่า การเข้าซื้อสุทธิอยู่ที่ 1.92 หมื่นล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ตลาดได้ให้ความสนใจไปที่การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ) ในวันที่ 18-19 ก.ย. ตลาดคาดว่า BOJ น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ -0.1% เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นยังต่ำ รวมถึงติดตามความคืบหน้าของอังกฤษเกี่ยวกับข้อตกลง Brexit ในระยะถัดไป ภาวะเช่นนี้จะทำให้ตลาดยังคงอยู่ในภาวะผันผวนต่อเนื่อง รวมทั้งรอจับตาคำกล่าวของนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป(ECB)ในวันอังคารนี้ หลังจาก ECB ตัดสินใจว่าจะดำเนินการยุติการเข้าซื้อพันธบัตรในสิ้นปีนี้และคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ไปตลอดฤดูร้อนปีหน้า วายแอลจีมีมุมมองว่า หากราคาทองคำยืนเหนือบริเวณแนวรับ 1,187 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ในระยะสั้นราคาทองคำยังมีโอกาสขยับขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,203 หรือ 1,214 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยบริเวณนี้นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้าง โดยให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ซึ่งหากไม่ผ่านราคาอาจจะมีการอ่อนตัวลงอีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำยังมีการเคลื่อนไหวในกรอบ คาดการณ์ว่าราคาทองคำพยายามพยุงราคา โดยในระยะสั้นอาจมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง โดยราคาทองคำน่าจะมีการย่อตัวลงในระยะสั้นอีกไม่มากนัก โดยประเมินแนวรับที่ 1,187 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถยืนเหนือแนวรับได้มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อโดยประเมินแนวต้านที่ 1,203 หรือ 1,214 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำนักลงทุนซื้อขายในระยะสั้น ส่วนนักลงทุนระยะกลางยังคงต้องรอการย่อตัวของราคาทองคำแล้วจึงเข้าซื้อทองคำเพิ่มเติม
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,187 (18,300บาท) 1,175 (18,100บาท) 1,160 (17,900บาท)
แนวต้าน 1,203 (18,600บาท) 1,214 (18,750บาท) 1,228 (18,950บาท)
GOLD FUTURES (GFV18)
แนวรับ 1,187 (18,460บาท) 1,175 (18,270บาท) 1,160 (18,040บาท)
แนวต้าน 1,203 (18,710บาท) 1,214 (18,880บาท) 1,228 (19,100บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999