กรุงเทพฯ--18 ก.ย.--เอกชัยการแพทย์
กูรูหุ้นจาก บล.ฟินัสเซีย ไซรัส แนะนำ "ซื้อ" หุ้น บมจ. เอกชัยการแพทย์ หรือ EKH ประเมินกำไร 3/61 โดดเด่นและดีที่สุดของปี อานิสงส์ธุรกิจเข้าสู่ช่วง High Season และได้รับแรงหนุนจากศูนย์ผู้มีบุตรยาก (IVF) พร้อมปรับประมาณการกำไรปกติปี 2561-2562 ขึ้นเฉลี่ยราว 10% ชี้เป้าราคาพื้นฐานไว้ที่ 7.40 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) เผยแพร่บทวิเคราะห์ แนะนำ"ซื้อ" หุ้นบริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) (EKH) โดยประเมินแนวโน้มกำไรไตรมาส 3/61 จะเติบโตแบบก้าวกระโดด เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และเทียบกับไตรมาสเดียวกันกับปีก่อน ซึ่งไตรมาส3/61 ถือเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี จากอานิสงส์ของ High Season และมีโรคระบาดค่อนข้างมาก จากฝนที่มาเร็วและตกต่อเนื่องทำให้มีโรคระบาดค่อนข้างมากทั้งไข้หวัดใหญ่ รวมถึงโรคในเด็กเล็กเช่น RSV ซึ่งเป็นสิ่งที่ EKH มีความเชี่ยวชาญ
ขณะที่ศูนย์ผู้มีบุตรยาก (IVF) ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่ต้นปี ในช่วง 2 เดือนล่าสุด (ก.ค.-ส.ค.61) เริ่มมีผู้ใช้บริการเร่งตัวขึ้นเป็นเฉลี่ยเดือนละราว 15-20 เคส ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายของบริษัทที่เฉลี่ยราว 10 เคสต่อเดือน ทำให้เริ่มผ่านจุดคุ้มทุนและสร้างกำไรเข้ามาช่วยหนุนผลการดำเนินงานในภาพรวมนอกเหนือจากธุรกิจโรงพยาบาลที่เติบโตแข็งแกร่งอยู่แล้ว ซึ่งเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่หนุนการเติบโตและคาดว่าจะช่วยลดผลกระทบเชิงลบจากการเปิดอาคารศูนย์กุมารเวชในไตรมาส 2/62
ทั้งนี้เบื้องต้นทางฝ่ายคาดกำไรปกติไตรมาส 3/61 จะอยู่ที่ราว 40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา และ เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันกับปีก่อน
อย่างไรก็ตามเราคาดว่าศูนย์ IVF จะยังโตได้แข็งแกร่งต่อเนื่องในปีหน้า ซึ่งจะช่วยชดเชยผลกระทบจากการเปิดอาคารศูนย์กุมารเวชแห่งใหม่ในไตรมาส 2/62 (เงินลงทุนราว 200 ล้านบาท) ที่คาดว่าจะขาดทุนในช่วงเริ่มต้นและทำให้กำไรในภาพรวมไม่หดตัวลงและจาก Upside ของประมาณการที่เกิดขึ้นหลังกำไร ในครึ่งแรกของปีนี้ ออกมาแข็งแกร่งกว่าคาด
ทางฝ่ายวิเคราะห์จึงปรับประมาณการกำไรปกติปี 2561-2562 ขึ้นเฉลี่ยราว 10% ขึ้น โดยคาดว่า กำไรปกติปี 2561 จะแตะระดับ 101 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน และปี 2562 เติบโตได้อีกเล็กน้อยเป็น 105 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4.3% เมื่อเทียบกับปีก่อน ตามลำดับ สะท้อนกำไรในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ที่เด่นกว่าคาด พร้อมปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 2562 ที่ 7.40 บาท (DCF WACC 11% Terminal Growth 3%) ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside เปิดกว้างและซื้อขายบนระดับ PE ปี 2561-2562 ราว 32-33 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มการแพทย์ที่ซื้อขายในช่วงราว 37-40 เท่า โดยยังคง แนะนำ "ซื้อ" และเป็น Top Pick สำหรับโรงพยาบาลขนาดเล็ก