กรุงเทพฯ--19 ก.ย.--IR PLUS
ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร ซิงเกอร์ประเทศไทย" ที่ "BBB-" ประเมินโน้มผลกำไรปรับตัวดีขึ้นช่วงที่เหลือปีนี้แม้ค่าใช้จ่ายหนี้สูญเพิ่ม เชื่อรายรับจากดอกเบี้ยขยับตามอย่างสอดคล้องกัน ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER ที่ "BBB-"
โดยอันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงความเข้มแข็งของบริษัทจากการมีตราสัญลักษณ์สินค้าในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่เป็นที่รู้จักเป็นอย่างดี ตลอดจนการมีเครือข่ายสาขาและตัวแทนจำหน่ายที่กว้างขวางทั่วประเทศ และผลงานที่เป็นที่ยอมรับในธุรกิจสินเชื่อเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็ยังมีข้อจำกัดจากการที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทมีความอ่อนไหวเป็นอย่างมากต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ภาระหนี้ของบริษัทก็อาจเพิ่มสูงขึ้นจากแผนการขยายธุรกิจ ประการสุดท้าย บริษัทได้เริ่มขยายสู่ธุรกิจใหม่คือสินเชื่อที่มีรถยนต์เป็นหลักประกันซึ่งความเสี่ยงทางด้านเครดิตของธุรกิจนี้ยังต้องใช้เวลาติดตามผลต่อไป
ทั้งนี้ ทริสเรทติ้ง คาดการณ์ว่าผลกำไรของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปีเป็นต้นไปถึงแม้ว่าบริษัทจะมีค่าใช้จ่ายหนี้สูญจำนวนมากในไตรมาสแรกของปี 2561 ก็ตาม ในขณะที่รายได้รับจากดอกเบี้ยเช่าซื้อน่าจะมากขึ้นตามการขยายตัวของสินเชื่อ โดยบริษัทได้ขยายพอร์ตสินเชื่อให้ครอบคลุมไปถึงสินค้าเช่าซื้อที่หลากหลายมากขึ้น ได้แก่ การจำหน่ายสินค้าที่มีตราสัญลักษณ์หลากหลาย เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ โดยในไตรมาสสุดท้ายของปี 2560 บริษัทได้นำเสนอสินเชื่อใหม่ที่เรียกว่า "รถทำเงิน" ซึ่งเป็นสินเชื่อที่มีรถยนต์เป็นหลักประกัน พร้อมทั้งพอร์ทสินเชื่อใหม่ที่เกิดขึ้นเป็นพอร์ทสินเชื่อที่มีคุณภาพ และในขณะเดียวกันพอร์ทสินเชื่อที่ด้อยคุณภาพก็จะค่อยๆ ลดลงและหมดไป อันเนื่องมาจากการปรับปรุงกระบวนการทำงาน
บริษัทมีสถานะที่แข็งแกร่งในธุรกิจหลักคือการจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน มูลค่าลูกหนี้เช่าซื้อรวมเพิ่มขึ้นเป็น 2,333 ล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2561 หรือเพิ่มขึ้น 12.5% จากสิ้นปี 2560 ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2561 มูลค่าลูกหนี้เช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและเครื่องใช้ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์คิดเป็นสัดส่วนหลักที่ 52% ของลูกหนี้เช่าซื้อทั้งหมด ลูกหนี้เช่าซื้อที่เหลือประกอบด้วยลูกหนี้สินค้าตราสัญลักษณ์อื่น 21% และสินเชื่อที่มีรถยนต์เป็นหลักประกัน 27% ซึ่งการขยายตัวของสินเชื่อที่มีรถยนต์เป็นหลักประกันนี้จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญตราบเท่าที่บริษัทยังคงมีการอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดอยู่
ในมุมมองของทริสเรทติ้ง เห็นว่าการปรับปรุงกระบวนการทำงานมาเป็นระบบใหม่ที่ผ่านทำให้บริษัทได้รับประโยชน์หลายประการ ได้แก่ กระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น การอนุมัติสินเชื่อที่รวดเร็วและละเอียดรอบคอบยิ่งขึ้น มีการติดตามสถานะลูกหนี้ที่ทันท่วงทีมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทยังมีฐานลูกค้าที่กระจายตัวหลากหลายและมีพนักงานขายที่ได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีความคุ้นเคยกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอีกด้วย จุดแข็งดังกล่าวเหล่านี้จะช่วยสนับสนุนการขยายธุรกิจของบริษัทได้เป็นอย่างดี
ขณะเดียวกัน บริษัทมีฐานทุนที่แข็งแรง มีข้อกำหนดสิทธิและหน้าที่ของผู้ถือหุ้นกู้ที่ต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนไม่เกิน 6 เท่า ทั้งนี้ ณ เดือนมิถุนายน 2561 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนอยู่ที่ 1.5 เท่า ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 0.82 เท่า ณ สิ้นปี 2560 ภาระหนี้ของบริษัทที่ระดับนี้จึงถือว่าอยู่ในระดับเพียงพอที่จะช่วยให้บริษัทสามารถขยายพอร์ตสินเชื่อต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม ผลขาดทุนที่ต่อเนื่องอาจจะลดความแข็งแกร่งของฐานทุนของบริษัทลงได้
ทั้งนี้ แนวโน้มอันดับเครดิต "Negative" หรือ "ลบ" จาก "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงผลการดำเนินงานของบริษัทที่อ่อนตัวลงจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ถดถอยลง อย่างไรก็ตาม แนวโน้มอันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเปลี่ยนกลับมาเป็น "Stable" หรือ "คงที่" ได้หากบริษัทสามารถปรับปรุงคุณภาพสินทรัพย์ รวมทั้งมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและต่อเนื่องโดยที่ยังคงความแข็งแกร่งทางการเงินเอาไว้ได้