กรุงเทพฯ--19 ก.ย.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 19 กันยายน 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,197.40-1,204.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 18,550 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาทรงตัวจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,550 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFV18 อยู่ที่ 18,610 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 10 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,600 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.07 น. ของวันที่ 19/09/61)
แนวโน้มวันที่ 20 กันยายน 2561
กระทรวงการคลังจีนประกาศเก็บภาษีต่อผลิตภัณฑ์สหรัฐทั้งหมด 5,207 ประเภท ตั้งแต่ก๊าซธรรมชาติเหลวไปจนถึงเครื่องบินบางรุ่น รวมถึงผงโกโก้และผักแช่แข็ง ที่อัตรา 5–10% แทนอัตราที่เสนอก่อนหน้าที่ 5, 10 และ 20% เพื่อตอบโต้แผนเก็บภาษีสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ทั้งนี้ภาษีของทั้ง 2 ประเทศจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย. อย่างไรก็ตามราคาทองคำถูกกดดันไม่มาก เพราะปธน.ทรัมป์ระบุว่าสหรัฐอาจทำข้อตกลงในจุดหนึ่งในอนาคตกับจีนและประเทศของเขาเปิดกว้างสำหรับการเจรจาเสมอ นอกจากนี้ นางคริสเทีย ฟรีแลนด์ รัฐมนตรีต่างประเทศแคนาดาจะจัดการเจรจาครั้งใหม่เกี่ยวกับข้อตกลงนาฟต้ากับนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ ในขณะที่ใกล้ถึงกำหนดเส้นตายวันที่ 1 ต.ค. ของสหรัฐ ทำให้โอกาสในการบรรลุข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ(นาฟต้า)ฉบับใหม่เพิ่มสูงขึ้น จนประเด็นดังกล่าวได้เข้ามาพยุงราคาทองคำ นอกจากนี้ ทองคำได้รับแรงหนุนเพิ่มจากสกุลเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบราว 2 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ จากความหวังที่ว่าสหภาพยุโรป(EU)และอังกฤษ จะบรรลุข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงการถอนตัวออกจาก EU โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆ เมื่อนายกรัฐมนตรี เทเรซา เมย์ ของอังกฤษระบุผ่านหนังสือพิมพ์ Die Welt ของเยอรมนีว่า สหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป(EU) ใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงเบร็กซิทอย่างราบรื่น อย่างไรก็ตามราคาทองคำในประเทศได้รับแรงกดดัน จากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทดสอบ 32.36 บาทต่อดอลลาร์ หลังทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) มีมติ 5:2 เสียงคงดอกเบี้ย 1.50% โดยมีกรรมการ 2 ท่านที่สนับสนุนการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งมากกว่าการประชุมครั้งก่อนที่มี 1 เสียง บ่งชี้ถึงการส่งสัญญาณดอกเบี้ยขาขึ้นที่ชัดเจนมากขึ้น ระยะสั้นให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ซึ่งหากไม่ผ่านราคาอาจจะมีการอ่อนตัวลงอีกครั้ง โดยนักลงทุนที่รอซื้อทองคำอาจรอการย่อตัวของราคาในบริเวณแนวรับ
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำจะมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวออกด้านข้างจนกว่าจะทะลุกรอบ 1,205-1,214 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ดังนั้นการซื้อควรรอการอ่อนตัวลงมายังบริเวณแนวรับ 1,187-1,175 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และขายทำกำไรในโซน 1,214 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านไปได้อาจเห็นการย่อตัวของราคาทองคำอีกครั้ง เบื้องต้นวายแอลจียังมองว่าการลงทุนยังเน้นการลงทุนระยะสั้น เพราะแม้ว่าราคาทองคำจะดีดตัวขึ้นได้บ้าง ก็ยังคงมีแรงขายทองคำออกมาเช่นกัน อย่างไรก็ตามหากหลุดบริเวณ 1,175 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ควรตัดขาดทุน เพื่อรอประเมินสถานการณ์อีกครั้งก่อนเข้าลงทุน
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,187 (18,200บาท) 1,175 (18,000บาท) 1,160 (17,800บาท)
แนวต้าน 1,205 (18,500บาท) 1,214 (18,650บาท) 1,228 (18,850บาท)
GOLD FUTURES (GFV18)
แนวรับ 1,187 (18,360บาท) 1,175 (18,180บาท) 1,160 (17,950บาท)
แนวต้าน 1,203 (18,650บาท) 1,214 (18,780บาท) 1,228 (19,000บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999