กรุงเทพฯ--20 ก.ย.--สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล
ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวปาฐกถาหัวข้อ "การพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล" ในงาน Digital Thailand 2018 จัดโดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจ (ดีป้า) โดยระบุว่า อนาคตดิจิทัลของประเทศไทย อยู่ที่ทุกคนร่วมกันพัฒนาเพื่อนำพาชาติหลุดพ้นจากประเทศรายได้ปานกลางสู่ประเทศรายได้สูง สิ่งสำคัญที่จะไปสู่เป้าหมายได้นั้น และเนื่องจากดิจิทัลเข้าไปมีบทบาทในทุกมิติและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ต้องพัฒนาควบคู่กันไปคือการพัฒนากำลังคนเพื่อเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 อย่างเป็นรูปธรรม กระทรวงดิจิทัลกำลังผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติ ไม่เพียงแต่ภาครัฐเท่านั้น แต่ภาคเอกชนก็ต้องเข้ามาช่วยกันเพื่อเสริมกำลังกันให้มีการใช้ดิจิทัลกันอย่างแพร่หลาย วันนี้ประเทศไทยมีอัตราการจดทะเบียนโทรศัพท์มือถือ 160% ของจำนวนประชากร ดังนั้นการกระจายโอกาสในการใช้เทคโนโลยีจึงไม่ใช่ปัญหา แต่การใช้ประโยชน์จากมันต่างหากที่เป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึง และแม้ว่าแรงงานไทยจะได้รับคำชมเชยว่าทำงานเก่งก็ตามแต่เริ่มสู้เทคโนโลยีไม่ไหว จึงต้องมีการอัพเกรดแรงงานไปสู่แรงงานระดับสูง เพื่อทำงานควบคู่เท่าทันไปกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วได้
"เรื่องคนสลับซับซ้อน กระทรวงดิจิทัลฯ กำลังทำงานกระจายการศึกษา เพื่อมเสริมการบริหารจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ วันนี้เด็กของเราเข้าถึงเทคโนโลยีโดยเฉพาะมือถือที่สามารถเข้าถึงได้ตลอดเวลา ถ้าเราใช้มือถือเป็นอาวุธ สามารถเข้าถึงผู้เรียน 24 ชั่วโมง ต่อวัน 7 วันต่อสัปดาห์ มือถือคืออาวุธ ที่เราจะสามารถหาสิ่งที่ดีที่สุดใส่เข้าไป เพื่อให้ผู้เรียนรู้ได้ของที่ดีที่สุดในโลก วันนี้ วิธีการเรียนรู้ การศึกษาเราเปลี่ยนไป เด็ก ๆ ช่วยตัวเองมากขึ้น เด็กมีมือถือเป็นห้องสมุด ถูกบ้างผิดบ้าง หากมีการจัดระเบียบอย่างเป็นระบบ เด็กจะได้สิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก เพราะมันไม่มีวันหยุด ไม่เคยปิดห้องเรียน ไม่เคยปิดเครื่อง ไม่ว่าเด็กจะอยู่ชายแดน บนเขา หรืออยู่สยามสแควร์ ก็สามารถเรียนรู้ได้เหมือนกัน มือถือจะสร้างโอกาสพัฒนาคนให้กับประเทศไทย ซึ่งวันนี้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจทัล ได้ดำเนินโครงการ Coding Thailand ที่ได้ดำเนินการในลักษณะนี้อยู่แล้ว ซึ่งถือเป็นต้นแบบที่เป็นโมเดลด้านการศึกษาใน ศตวรรษที่ 21 เป็นอย่างดี " รมว.ดิจิทัลฯ กล่าว
ดร.พิเชฐ กล่าวต่อว่า กระทรวงดิจิทัลฯ เร่งผลักดันให้เกิดโครงสร้างพื้นฐาน ที่ดำเนินการไปแล้วก็มาก เช่น โครงการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงให้ครอบคลุม 75,000 หมู่บ้านทั่วประเทศ ขณะนี้ดำเนินการไปแล้ว 50,000 หมู่บ้าน คาดว่าไม่เกินกลางปีหน้าก็จะครอบคลุมทั่วประเทศ รวมไปถึงโครงการเน็ตประชารัฐ ที่ขณะนี้มีประชาชนมาลงทะเบียนแล้วกว่า 4 ล้านคน และเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีการฝึกอบรมเพื่อให้ประชาชนได้ช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งการค้าขายออนไลน์บนช่องทางโซเชียลมีเดีย หรือเว็ปไซต์ ในช่องทางที่รัฐบาลให้การสนับสนุน นอกจากนี้การเชื่อมประเทศไทยเข้ากับโลก ก็กำลังดำเนินไปด้วยดี ทั้งโครงการเคเบิลในมหาสมุทรที่มีเส้นทางผ่านประเทศไทย เราก็เพิ่มความจุให้มากขึ้นเพื่อเชื่อมโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งในภาคพื้นยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง ฯลฯ และในปี 2562 ประเทศไทยจะเป็นประธานดิจิทัลของอาเซียน เราจะใช้โอกาสนี้ในการเชื่อมโยง ฝึกอบรม และการเปิดช่องทางเพื่อให้ภูมิภาคนี้มีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน แบบไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง นอกจากนี้ยังใช้ดิจิทัลในการพัฒนาสมาร์ทซิตี้เป้าหมายคือทุกจังหวัดทั่วประเทศโดยกำหนดจุดแข็งของแต่ละจังหวัด เช่น สมาร์ทด้านการเกษตร ท่องเที่ยว การคมนาคม ฯลฯ ซึ่งดีป้าได้ดำเนินการเรื่องนี้อยู่ รวมถึงการก่อสร้างสถาบันไอโอทีที่จะเริ่มดำเนินการในต้นปีหน้า ในพื้นที่ อีอีซี อ.ศรีราชา จังหวัด ชลบุรี ผมก็ได้ฝาก ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการดีป้า ว่า ให้เร่งดำเนินการเพราะเป็นเรื่องสำคัญมาก
"ดิจิทัลเปลี่ยนแปลงเร็วมาก แต่ก็มีสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการควบคู่กันไปคือ กฎหมายที่จะเข้ามาคุ้มครอง ปกป้อง ทั้งข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดิน ข้อมูลทางธุรกิจ การธุรกรรม เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจแบบไร้รอยต่อ และกำลังล้อมรั้วเพื่อปกป้องข้อมูลที่สำคัญ เราเร่งพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง วันนี้ จนได้รับการจัดอันดับการใช้ดิจิทัลจากธนาคารโลกให้อยู่ที่ในอันดับ 26 จาก 46 เมื่อปีที่ผ่านมา" ดร.พิเชฐ กล่าว
รมว.ดิจิทัล กล่าวว่า เป้าหมายของการพัฒนาดิจิทัลแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ต้นทางคือเรามีธรรมาภิบาลข้อมูล คือผู้ใช้ข้อมูลรู้ว่าจะรักษาความเป็นส่วนตัว จัดระบบ รักษาความลับ หรือจะแชร์ข้มูลอะไรอย่างไร กลางทางคือ กระทรวงดิจิทัลฯ ได้จัดทีมดาต้าไซแอนทิส และดาต้าเอนจิเนีย เพื่อให้บริการกับภาครัฐทั้งหลายในด้านข้อมูล โดยเดือนตุลาคม จะเปิดบริการให้คำปรึกษาฟรี ส่วนปลายทางคือ สังคมไร้เงินสด และไร้เอกสาร ต่อไป บัตรประชาชนใบเดียว ใช้ได้ทั้งหมดในรูปแบบ one stop service
ดร.พิเชฐ กล่าวในตอนท้ายว่า รัฐบาลไม่ทิ้งประชาชน ไม่ทิ้งเพื่อนบ้าน ไม่ทิ้งตัวเองให้เสียเวลาไปเปล่าประโยชน์ ประเทศไทยจะเจริญอย่างแน่นอนหากทุกคนร่วมมือกัน เพื่อลูกหลานจะได้มีโอกาสเป็นตัวของตัวเอง มั่นใจในสังคมที่ปลอดภัย มีภราดรภาพสูง คิดในเชิงพัฒนาและไม่คิดแบบสร้างปัญหาเหมือนในอดีต
สำหรับผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดกิจกรรมและความเคลื่อนไหวการจัดงาน "Digital Thailand Big Bang 2018" ได้ที่ www.digitalthailandbigbang.com และ facebook.com/digitalthailandbigbang/