กรุงเทพฯ--20 ก.ย.--วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส
สภาวะตลาดวันที่ 20 กันยายน 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,191.30-1,196.65 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 18,500 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวลดลง 50 บาทจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,550 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFV18 อยู่ที่ 18,540 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,590 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 15.16 น. ของวันที่ 20/09/61)
แนวโน้มวันที่ 21 กันยายน 2561
เกิดการคลายความวิตกเกี่ยวกับกรณีภาษีที่สหรัฐและจีนกำหนดต่อสินค้าซึ่งกันและกัน เนื่องจากระดับของมาตรการไม่ได้รุนแรงอย่างที่ตลาดกังวลไว้ก่อนหน้านี้ สร้างแรงกดดันให้ดอลลาร์อยู่ใกล้จุดต่ำสุดรอบ 7 สัปดาห์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินสำคัญ สอดคล้องกับข้อมูลของคณะกรรมาธิการการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีการเปิดเผยเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วระบุว่า การเข้าซื้อสุทธิของนักเก็งกำไรในดอลลาร์ ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนก.ค. นอกจากนี้ ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากคำกล่าวของ นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียงของจีน เมื่อจีนจะไม่ทำให้หยวนอ่อนค่าลงเพื่อหนุนการส่งออก จีนยังคงมีเครื่องมือที่เพียงพอในการรับมือกับความเสี่ยงและการท้าทายต่างๆท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ขณะที่นายแจ็ค หม่า ประธานบริหาร และผู้ก่อตั้งบริษัทอาลีบาบา ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซของจีน กล่าวว่า อาลีบาบาตัดสินใจยกเลิกสัญญาที่เคยให้ไว้เมื่อครั้งที่เข้าพบนายโดนัลด์ ทรัมป์ในเดือน ม.ค.ปีที่แล้วว่าจะสร้างงานจำนวน 1 ล้านตำแหน่งในสหรัฐ เพราะมิตรภาพระหว่างจีนและสหรัฐไม่ได้เป็นไปตามสัญญา นอกจากนี้ดอลลาร์ได้รับแรงกดดันเพิ่มเติม เมื่อดอลลาร์แคนาดาแข็งค่าสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 สัปดาห์ ก่อนที่การเจรจาเพื่อปรับข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ(นาฟต้า)ระหว่างสหรัฐและแคนาดาจะดำเนินต่อไป อย่างไรก็ตามราคาทองคำขยับขึ้นในระดับที่จำกัด เมื่อผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีทะยานแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตร 2ปี เดินหน้าขยับขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 9 ส่งผลให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ยถูกลดความน่าสนใจในการลงทุนลง เบื้องต้นหากราคาทองคำปรับตัวขึ้นบริเวณโซน 1,214 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไปนักลงทุนที่ไม่อยากแบกรับความเสี่ยงจนเกินไป สามารถแบ่งขายทำกำไรออกมาบ้างเพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน สำหรับมุมมองของวายแอลจีนั้นประเมินว่าหากราคาทองคำไม่สามารถผ่านแนวต้านให้ระมัดระวังแรงขายจึงต้องจับตาโซนแนวต้านนี้อย่างใกล้ชิด โดยประเมินแนวรับบริเวณ 1,194-1,187 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งหากยืนอยู่จุดนี้นักลงทุนสามารถเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ในระยะสั้นราคาทองคำยังมีการแกว่งตัวในกรอบ ซึ่งกรอบราคาด้านบนประเมินแนวต้านที่บริเวณ 1,214 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ระยะสั้นความผันผวนของราคาและการแกว่งตัวของราคาอาจไม่มากเหมือนช่วงที่ผ่านมา โดยให้เน้นไปที่การเข้าลงทุนระยะสั้น ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,194 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยมีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,187 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และเมื่อราคามีการปรับตัวสูงขึ้น นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้างเพื่อลดความเสี่ยง แต่สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงได้แนะนำให้ถือต่อเพื่อทำกำไรบริเวณแนวต้านถัดไป
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,194 (18,250บาท) 1,187 (18,150บาท) 1,175 (18,000บาท)
แนวต้าน 1,214 (18,600บาท) 1,228 (18,850บาท) 1,235 (18,950บาท)
GOLD FUTURES (GFV18)
แนวรับ 1,194 (18,410บาท) 1,187 (18,300บาท) 1,175 (18,120บาท)
แนวต้าน 1,214 (18,720บาท) 1,228 (18,940บาท) 1,235 (19,050บาท)
หากต้องการทราบทิศทางราคาทองคำและแนวทางลงทุนทองคำ ขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมที่ปรึกษาการลงทุนด้านโกล์ดฟิวเจอร์ส โทร.02-687-9999